โรคบิด (Dysentery) คือ การติดเชื้อในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงหรือท้องเสียเป็นเลือด อาจพบเมือกในอุจจาระ โดยปกติจะมีอาการ 3-7 วัน
โรคบิดอาการเป็นอย่างไร
อาการอื่นๆอาจรวมไปถึง :
โรคบิดมักเกิดจากการที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี เข่น ไม่ได้ล้างมือหลังจากใช้ห้องน้ำ หรือสัมผัสสิ่งต่างๆที่มีความเสี่ยง
การติดเชื้อ สามารถแพร่กระจายได้โดยการรับประทานอาหาร หรือน้ำที่ปนเปื้อน ดังนั้น การล้างมือสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายได้
ชนิดของโรคบิด
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคบิด มักเกิดจากแบคทีเรียหรือโรคอะมีบา
โรคบิดแบซิลารีย์เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Shigella, Campylobacteria, Salmonella หรือ Enterohemorrhagiv E.coli อาการท้องเสียจาก Shigella เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Shigellosis Shigellosis เป็นโรคที่พบได้มาที่สุดถึง 500,000 ราย
โรคบิดอะมีบาเกิดจากการติดเชื้อในลำไส้จากพยาธิเซลล์เดียวที่เรียกว่า amebiasis
โรคอะมีบาเป็นโรคที่พบได้น้อย โดนส่วนมากจะพบในพื้นที่เขตร้อนที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี โดยส่วนมาในอเมริกาผู้ที่เป็นโรคนี้คือผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ข้างต้น
สาเหตุของโรคบิดและผู้ที่ได้รับความเสี่ยง
โรคบิดมักเกิดจากการการที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี รวมไปถึงการที่ผู้ไม่มีเชื้อไปสัมผัสกับอุจจาระจากผู้ที่มีเชื้อ
การสัมผัสอาจเกิดได้จาก :
- อาหารที่มีการปนเปื้อน
- น้ำหรือเครื่องดื่มต่างๆที่มีการปนเปื้อน
- ผู้ที่ติดเชื้อล้างมือไม่สะอาด
- การว่ายน้ำในน้ำที่ปนเปื้อน เช่น ทะเลสาปหรือสระน้ำ
- การสัมผัสโดยตรง
โรคบิดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่จะพบในเด็กได้มากที่สุด มันสามารถแพร่กระจายได้ด้วยการสัมผัสระหว่างบุคคลและอาหารและเครื่องดื่มที่ปนเปื้อน
โดยส่วนมากจะแพร่กระจายในผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเช่น:
- ที่บ้าน
- ที่รับเลี้ยงเด็ก
- ที่โรงเรียน
- บ้านพักคนชรา
โรคอะมีบาส่วนใหญ่ จะแพร่กระจายโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนในพื้นที่เขตร้อน
การวินิจฉัยโรค
หากคุณหรือบุตรหลานของคุณมีอาการของโรคบิด ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อขีวิตได้
แพทย์จะสอบถามถึงอาการและการเดินทางล่าสุดทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งข้อมูลนี้จะสามารถช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์โรคของคุณได้ง่ายขึ้น
อาการท้องเสียเกิดได้จากสาเหตุหลายๆอย่าง หากคุณไม่มีอาการข้างเคียงอื่นๆที่บ่งบอกว่าเป็นโรคบิด แพทย์อาจจะตรวจหาแบคทีเรียชนิดอื่นๆ รวมไปถึงการตรวจเลือดและอุจจาระในห้องปฏิบัติการ
แพทย์อาจสั่งให้มีการตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของโรค
วิธีการรักษาโรคบิด
หากมีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนและให้น้ำเกลือ และสามารถทานยาที่หาซื้อได้ทั่วไปเช่น Pepto-Bismol ช่วยลดอาการตะคริวและท้องเสียได้ แค่ควรหลีกเลี่ยงยาประเภท Ioperamide หรือ atropime-diphenoxylate ซึ่งอาจทำให้มีอาการแย่ลง
แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าหากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ให้แจ้งแพทย์เพื่อปรับวิธีการรักษา
โรคอะมีบาสามารถรักษาได้ด้วย metronidazole (Flagyl) หรือ tinidazole (Tindamax) ซึ่งทำหน้าที่ฆ่าพยาธิและในบางกรณีหลังจากหากแล้ว แพทย์อาจมีการให้ยาเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อโรคได้หายไปหมดแล้ว
ในกรณีที่ท้องเสียอย่างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ให้น้ำเกลือเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
ภาวะแทรกซ้อน
ในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น :
โรคข้ออักเสบหลังติดเชื้อ : ส่งผลประมาณ 2% ของผู้ที่ได้รับแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะที่เรียกว่า S.Flexneri จะมีอาการปวดตามข้อและเคืองตา รวมไปถึงเจ็บขณะปัสสาวะ โรคข้ออักเสบนี้ สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนจนถึงหลายปี
การติดเชื้อในกระแสเลือด : พยได้น้อย และมักจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น HIV หรือมะเร็ง
อาการชัก : อาการชักสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในเด็กเล็ก แต่ยังไม่มีข้อบ่งชี้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และสามารถหายเองได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องรับการรักษา
Hemolytic uremic syndrome (HUS): เป็นอาการที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลายด้วยสารพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย
กรณีที่พบได้ยาก โรคอะมีบาอาจส่งผลให้เกิดฝีในตับหรือพยาธิกระจายไปที่ปอดหรือสมอง
ลักษณะทั่วไป
โรคนี้มักหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์และสามารถรับประทานยาที่หาซื้อได้โดยทั่วไป ถ้าหากมีอาการติดเชื้อควรหลีกเลี่ยงการเตรียมอาหารให้กับผู้อื่นและหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ถ้าหากทำงานเกี่ยวกับเด็ก การเตรียมอาหาร หรือทำงานในโรงพยาบาล ควรพักผ่อนจนกว่าจะหายดี รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ด้วย
คนส่วนใหญ่มัจะมีอาการตั้งแต่สองถึงสามวัน ไปจนถึงหลายสัปดาห์ แต่ควรไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการ เพื่อรับยาที่ใช้ในการกำจัดเชื้อโรค
วิธีการป้องกันโรคบิด
โรคบิดสามารถป้องกันได้โดยการรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น :
- ล้างมือบ่อยๆ
- ระมัดระวังในการเปลี่ยนผ้าอ้อมของเด็กที่ป่วย
- ไม่กลืนน้ำจากสระ
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคคือ ระมัดระวังในการรับประทานอาหารต่างๆ อาหารต่างๆที่ควรหลีกเลี่ยงขณะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงมีดังนี้ :
- เครื่องดื่มที่มีน้ำแข็ง
- น้ำที่ไม่ได้ใส่ขวดหรือเปิดแล้ว
- อาหารและเครื่องดื่มริมถนน
- ผักผลไม้ที่ปอกเปลือกแล้ว
- นมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือผลิตภัณฑ์จานม
แหล่งน้ำที่ปลอดภัยคือ :
- ขวดน้ำที่ปิดสนิท
- น้ำอัดลมที่ยังไม่ได้รับการเปิด
- น้ำอัดลมในกระป๋องหรือขวดที่ปิดสนิท
- น้ำต้มสุก
- น้ำที่ผ่านการกรอง
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/171193
- https://www.nhs.uk/conditions/dysentery/
- https://www.webmd.com/digestive-disorders/what-is-dysentery
- https://www.chp.gov.hk/en/healthtopics/content/24/14.html
Content and expert reviews from Bupa team.