ปวดกระดูก (Bone Pain) : อาการ สาเหตุ การรักษา

การปวดกระดูก (Bone Pain) คือ ความเจ็บปวด ในกระดูกอย่างน้อยหนึ่งชิ้น อาการนี้แตกต่างจากอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อเนื่องจากอาการปวดนั้นสามารถเกิดขึ้นในขณะที่คุณเคลื่อนไหว หรือไม่ได้เคลื่อนไหวอยู่ก็ตาม ความเจ็บปวดมักเกี่ยวข้องกับโรคที่มีผลต่อโครงสร้างของกระดูก บางคนอาจจะปวดกระดูกทั้งตัว หรือปวดกระดูกแขน Bone Pain

สาเหตุของการปวดกระดูกคืออะไร

มีหลากหลายสาเหตุที่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดในกระดูกได้ เช่น

การบาดเจ็บ

โดยทั่วไปอาการปวดกระดูกนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุของอาการบาดเจ็บ เช่นอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือการหกล้ม ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดภาวะกระดูกแตก หัก หรือเสียหายได้ นั่นเป็นที่มาของอาการปวดกระดูก

ลองดู Movinix capsules และ Flexadel gel ช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูกและข้อ


ร่างกายได้รับแร่ธาตุที่จำเป็นไม่เพียงพอ

ร่างกายของคนเราต้องการแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิดรวมทั้งแคลเซียมและวิตามินดี การขาดแคลเซียมและวิตามินดีมักทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นโรคกระดูกชนิดที่พบบ่อยที่สุด ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนในระยะปลายมักมีอาการปวดตามข้อกระดูก

ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะแพร่กระจาย

กรณีที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็ง แต่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มะเร็งเต้านม ปอด ไทรอยด์ไตและต่อมลูกหมาก เป็นมะเร็งที่มักแพร่กระจายไปที่กระดูกได้

มะเร็งกระดูก

มะเร็งกระดูกคือเซลล์มะเร็งที่เกิดในกระดูก   อาจทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเนื่องจากมะเร็งสามารถขัดขวางหรือทำลายโครงสร้างปกติของกระดูก

โรคที่ขัดขวางเลือดไม่ให้สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงกระดูกได้

โรคบางอย่างเช่นโรคโลหิตจาง ที่เป็นรูปแบบเคียว จะรบกวนการส่งเลือดไปเลี้ยงกระดูก   สิ่งนี้ทำให้เกิดอาการปวดกระดูกอย่างมากและทำให้กระดูกอ่อนแอ

การติดเชื้อ

หากการติดเชื้อเกิดขึ้นในหรือแพร่กระจายไปที่กระดูกอาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงที่เรียกว่ากระดูกอักเสบ การติดเชื้อของกระดูกนี้สามารถฆ่าเซลล์กระดูกและทำให้เกิดอาการปวดกระดูกได้

ลูคีเมีย

มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นมะเร็งของไขกระดูก ไขกระดูกพบในกระดูกส่วนใหญ่และมีหน้าที่ในการผลิตเซลล์กระดูก ผู้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมักมีอาการปวดกระดูกโดยเฉพาะที่ขา

อาการปวดกระดูก

อาการปวดกระดูกที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดคือรู้สึกไม่สบายไม่ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวร่างกายหรือไม่  อาการปวดกระดูกที่มาจากสาเหตุอื่น ๆ จะมีอาการดังนี้ 
  • อาการปวดกระดูกที่เกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ จะมีอาการบวม ร่วมด้วยกับกระดูกที่แตก หัก หรือร้าว 
  • อาการปวดกระดูกที่เกิดจาการขาดแร่ธาตุและวิตามิน จะแสดงอาการปวดกระดูกร่วมกับอาการปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว ร่างกายอ่อนเพลีย
  • อาการที่ปวดกระดูกมีสาเหตุมาจากโรคกระดูกพรุน จะทำให้ปวดกระดูกบริเวณหลัง เดินตัวงอ 
  • อาการที่ปวดกระดูกมีสาเหตุมาจากมะเร็งระยะแพร่กระจาย อาการปวดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มะเร็งแพร่กระจายซึ่งอาจรวมถึง ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอกกระดูกหัก ชัก เวียนศีรษะ ดีซ่าน หายใจถี่ บวมที่ท้อง
  • อาการที่ปวดกระดูกมีสาเหตุมาจากมะเร็งกระดูก กระดูกแตก ปวดกระดูก ผิวหนังชา 
  • อาการปวดที่มาจากโรคที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงกระดูกไม่พอ  จะมีอาการปวดข้อ ปวดกระดูก 

การรักษาอาการปวดกระดูก 

แพทย์จะทำการรักษาอาการปวดกระดูกตามสาเหตุของอาการ และสั่งจ่ายยาเพื่อระงับอาการปวดให้ รวมทั้งผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการพักฟื้นให้มากที่สุด หากแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้และสงสัยว่ามีการติดเชื้อ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยควรทานยาให้ครบแม้ว่าอาการจะหายไป โดยทั่วไปแพทย์มักสั่งจ่ายคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ คุณยังสามารถดูผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการได้ : 

การป้องกันอาการปวดกระดูก 

การดูแลกระดูกให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีช่วยให้หลีกเลี่ยงอาการปวดกระดูกได้ง่ายขึ้น ในการรักษากระดูกให้แข็งแรงควรทำตามคำแนะนำดังนี้:
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ร่างกายควรได้รับแคลเซียมและวิตามินดีอย่างเพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้แล้วการระมัดระวังตนไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หกล้ม หรือการกระทำใด ๆ ที่จะส่งผลต่อกระดูก และสวมใส่อุปกรณ์ที่เหมาะสมเมื่อเล่นกีฬา 

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อมีอาการปวดกระดูก

อาการปวดกระดูกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บ ข้ออักเสบ กระดูกพรุน การติดเชื้อ หรือมะเร็ง จำเป็นต้องเข้าใจวิธีจัดการกับอาการปวดกระดูกอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติม สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการจัดการกับอาการปวดกระดูกมีดังนี้

สิ่งที่ควรทำ:

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ:หากคุณมีอาการปวดกระดูกอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรง ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมได้
  • ทายาตามที่กำหนด:หากแพทย์สั่งยาสำหรับอาการปวดกระดูก ให้รับประทานตามคำแนะนำ การบรรเทาและการจัดการความเจ็บปวดอาจต้องใช้ยา เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ หรือยาเฉพาะอื่นๆ เพื่อรักษาสาเหตุที่แท้จริง
  • การพักและการตรึง:สำหรับการบาดเจ็บหรือกระดูกหักที่ก่อให้เกิดอาการปวดกระดูก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการพักและการตรึง หลีกเลี่ยงการกดดันบริเวณที่ได้รับผลกระทบโดยไม่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการรักษา
  • กายภาพบำบัดและการออกกำลังกาย:สำหรับสภาพกระดูกบางอย่าง การออกกำลังกายเพื่อการบำบัดสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบๆ กระดูก ปรับปรุงการเคลื่อนไหว และลดอาการปวด ออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของนักกายภาพบำบัดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเสมอ
  • การบำบัดด้วยความร้อนหรือความเย็น:การใช้ประคบร้อนหรือเย็นกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้ ใช้ความร้อนสำหรับอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังและความเย็นสำหรับการบาดเจ็บเฉียบพลันหรือการอักเสบ
  • โภชนาการมีความสำคัญ:ให้แน่ใจว่าอาหารของคุณมีแคลเซียมเพียงพอ วิตามินดี และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนสุขภาพกระดูก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ:การให้น้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวม รวมถึงการรักษากระดูกให้แข็งแรง
  • ใช้อุปกรณ์พยุง:หากอาการปวดกระดูกส่งผลต่อการเคลื่อนไหวหรือท่าทาง ให้พิจารณาใช้อุปกรณ์กายอุปกรณ์หรือเครื่องช่วยที่แพทย์แนะนำ

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ละเลยอาการเจ็บปวด:หากอาการปวดกระดูกยังคงอยู่หรือแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป อย่าเพิกเฉย การเพิกเฉยต่ออาการปวดเรื้อรังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้
  • ออกแรงมากเกินไป:หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความเครียดมากเกินไปในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้อาจทำให้ความเจ็บปวดแย่ลงหรือทำให้กระบวนการหายช้าลง
  • ใช้ยามากเกินไป:แม้ว่ายาบรรเทาปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สามารถช่วยจัดการกับอาการปวดเล็กน้อยได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยามากเกินไปโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานานหรือมากเกินไปอาจมีผลข้างเคียง
  • ชะลอการไปพบแพทย์:หากอาการปวดกระดูกเกิดขึ้นกะทันหัน รุนแรง หรือเป็นผลมาจากการบาดเจ็บ อย่ารอช้าที่จะไปพบแพทย์ การประเมินและการรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสงสัยว่ามีการแตกหักหรืออาการร้ายแรง
  • สันนิษฐานสาเหตุ:อย่าสันนิษฐานถึงสาเหตุของอาการปวดกระดูกโดยไม่ได้รับการประเมินทางการแพทย์ที่เหมาะสม เงื่อนไขที่แตกต่างกันต้องการแนวทางการรักษาเฉพาะ ดังนั้นการวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญ
  • พึ่งพาการเยียวยาที่บ้านเพียงอย่างเดียว:แม้ว่าการเยียวยาที่บ้านบางอย่าง เช่น การบำบัดด้วยความร้อน/ความเย็นสามารถบรรเทาได้ชั่วคราว แต่ไม่ควรแทนที่คำแนะนำและการรักษาทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญ
โปรดจำไว้เสมอว่าอาการปวดกระดูกอาจเป็นอาการของภาวะต่างๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยด่วน สิ่งสำคัญคือต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุและพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์เฉพาะของคุณ

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.healthline.com/health/bone-pain
  • https://www.nhs.uk/conditions/bone-cancer/symptoms/
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/321835

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด