เบาจืด (Diabetes Insipidus) : อาการ สาเหตุและการรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
เบาจืด

เบาจืดคืออะไร 

โรคเบาจืด (Diabetes Insipidus) เป็นโรคที่พบได้น้อยมาก ซึ่งเป็นโรคที่เกิดเมื่อไตของคุณไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ทั้งนี้โรคเบาจืดไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานทั่วไป ดังนั้นจึงหมายความว่าคุณสามารถเป็นโรคเบาจืดได้โดยไม่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งโรคเบาจืดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โรคเบาจืดทำให้เกิดอาการกระหายน้ำอย่างรุนแรงและปัสสาวะบ่อย โรคเบาจืดมีหลายประเภทและสามารถรักษาได้ตามปกติ อ่านบทความนี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเบาจืด Diabetes Insipidus

โรคเบาจืดคืออะไร

อาการหลักของโรคเบาจืดได้แก่อาการกระหายน้ำอย่างรุนเเรงเนื่องจากไม่สามารถควบคุมความกระหายน้ำได้และมีอาการปัสสาวะปริมาณมาก โดยปกติผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีควรปัสสาวะอย่างน้อย 3 ลิตรต่อวัน แต่ผู้ที่เป็นโรคเบาจืดอาจปัสสาวะมากถึง 16 ลิตรต่อวัน คุณอาจตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยๆหรือเคยมีประสบการณ์ปัสสาวะรดที่นอน อาการของโรคเบาจืดทั่วไปที่เกิดในทารกและเด็กเล็กได้แก่
  • เกิดอารมณ์โมโหและหงุดหงิดง่าย
  • ปัสสาวะใส่ผ้าอ้อมมากผิดปกติหรือฉี่รดที่นอน รวมถึงปัสสาวะมากเกินไป
  • กระหายน้ำอย่างรุนเเรง
  • ขาดน้ำ
  • มีไข้สูง
  • ผิวแห้ง
  • เติบโตช้า 
สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาจืดสามารถมีอาการดังกล่าวได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจมีอาการสับสน วิงเวียนศีรษะหรือเฉื่อยชา โรคเบาจืดทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนเเรง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะชัก สมองเสียหายและเสียชีวิตได้ ควรไปพบเเพทย์ทันที ถ้าหากลูกของคุณเคยมีอาการดังกล่าว

โรคเบาจืด 4 ประเภท

โรคเบาจืดมี 4 ประเภทได้แก่:

โรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง

โรคเบาจืดชนิดนี้พบได้เป็นส่วนมากและเป็นโรคที่ทำให้เกิดจากความเสียหายกับต่อมใต้สมองและสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งความเสียหายเหล่านี้ทำให้สมองไม่สามารถผลิตและกักเก็บรวมถึงหลั่งฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก (ADH) ออกมาตามปกติ เมื่อร่างกายไม่มีฮอร์โมนแอนติไดยูเรติกจึงส่งผลทำให้เกิดการขับปัสสาวะออกมามากกว่าปกติ โรคเบาจืดประเภทนี้เกิดจากสาเหตุดังจ่อไปนี้ 

โรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของไต 

ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางประเภทสามารถทำลายไตได้และส่งผลทำให้ไตไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก นอกจากนี้โรคเบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติของไตเกิดจาก
  • การใช้ยาเช่นยาลิเทียม (lithium) หรือยาเตตร้าไซคลิน 
  • ระดับแคลเซียมในร่างกายสูง
  • ระดับโพแทสเซียมในร่างกายต่ำ
  • โรคไตเรื้อรัง
  • กระเพาะปัสสาวะอุดตัน

โรคเบาจืดชนิดที่เกิดจากความผิดปกติในการกระหายน้ำ

โรคเบาจืดชนิดนี้เกิดจากการทำงานผิดปกติของกลไกการกระหายน้ำในต่อมฮิปโปทาลามัส ส่งผมทำให้เกิดอาการกระหายน้ำอย่างรุนเเรงและต้องดื่มน้ำปริมาณมาก โรคเบาจืดชนิดนี้มีสาเหตุเดียวกันกับโรคเบาจืดชนิดที่เกิดจากความผิดปกติของสมองและมีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยทางจิตบางประเภทและการใช้ยาบางชนิดเช่นกัน

โรคเบาจืดที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

โรคเบาจืดชนิดนี้เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์เท่านั้น ซึ่งเกิดจากการที่เอนไซม์ที่ผลิตโดยรกในครรภ์เข้าไปทำลายฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก (ADH) นอกจากนี้ยังมีสาเหตุเกิดจากระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นจนเป็นสารเคมีอันตรายที่ทำให้ไตเกิดภาวะอ่อนไหวต่อฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก รกในครรภ์มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงอาหารให้แก่ทารกและเป็นทางขับถ่ายของเสีย โรคเบาจืดชนิดนี้สามารถหายได้หลังจากคลอดบุตรเเล้ว

อาการของโรคเบาจืด

โรคเบาจืดเป็นโรคที่พบไม่บ่อยซึ่งส่งผลต่อการควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ โรคเบาหวานเบาจืดแตกต่างจากภาวะทั่วไป นั่นคือ เบาหวาน (เบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2) ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาการผลิตและการใช้อินซูลินที่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ในโรคเบาจืด อาการหลักคือกระหายน้ำมากเกินไปและปัสสาวะมากเกินไป อาการเฉพาะอาจรวมถึง:
  • Polydipsia : หมายถึงความกระหายน้ำอย่างรุนแรงและความต้องการดื่มน้ำอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เป็นเบาจืดมักรู้สึกว่าไม่สามารถดับกระหายได้ไม่ว่าจะดื่มมากแค่ไหนก็ตาม
  • Polyuria : การปัสสาวะมากเกินไปเป็นจุดเด่นของโรคเบาหวานเบาจืด บุคคลสามารถผลิตปัสสาวะได้ในปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งมักจะหลายลิตรต่อวัน สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมสมดุลของของเหลวได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำมากเกินไปผ่านทางปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อยกลางคืน : ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเบาจืดอาจต้องตื่นหลายครั้งในตอนกลางคืนเพื่อปัสสาวะ
  • ภาวะขาดน้ำ : หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม การสูญเสียน้ำมากเกินไปผ่านทางปัสสาวะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ สัญญาณของการขาดน้ำอาจรวมถึงปากแห้ง ผิวแห้ง เหนื่อยล้า และเวียนศีรษะ
  • ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ : เนื่องจากการปัสสาวะมากเกินไปอาจทำให้สูญเสียอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียมและโพแทสเซียม บุคคลที่เป็นเบาจืดอาจพบอาการที่เกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง และสับสน
  • ความหงุดหงิดและความเหนื่อยล้า : กระหายน้ำอย่างต่อเนื่อง ปัสสาวะบ่อย และอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ อาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิดและเหนื่อยล้าได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ อาการของโรคเบาจืดอาจแตกต่างกันไปในความรุนแรง ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล   หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักมีอาการกระหายน้ำและถ่ายปัสสาวะมากเกินไป สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม

โรคเบาจืดมีวิธีการรักษาอย่างไร

การรักษาโรคเบาจืดขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเบาจืดที่วินิจฉัยพบและความรุนเเรงของโรค สำหรับโรคเบาจืดที่ไม่รุนเเรง แพทย์จะเเนะนำให้บริหารปริมาณของการดื่มน้ำเพื่อให้ถึงปริมาณที่กำหนดต่อวัน

การรักษาด้วยวิธีฮอร์โมนบำบัด

วิธีรักษาส่วนใหญ่สำหรับโรคเบาจืดทุกประเภทคือการใช้ฮอร์โมนเดสโมเพรสซิน (DDAVP) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ขึ้น ซึ่งสามารถใช้รับประทานและสเปรย์พ่นจมูกหรือฉีดเข้าร่างกาย ฮอร์โมนเดสโมเพรสซินเกิดจากการสังเคราะห์ฮอร์โมนวาโซเพรสซิน ในขณะที่การทานยาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำเป็นประจำและควรดื่มน้ำตอนที่กระหายน้ำเท่านั้น โดยปกติฮอร์โมนเดสโมเพรสซินนำมาใช้รักษาโรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง แต่สามารถนำมาใช้รักษาโรคเบาจืดที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์อย่างรุนเเรงได้เช่นกัน 

ยาและการใช้ยา

การรักษาโรคเบาจืดที่เกิดจากความผิดปกติของไตจะทำการรักษาปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับวิธีการรักษาอื่นๆด้แก่การทานฮอร์โมนเดสโมเพรสซินปริมาณมากร่วมกับการใช้ยาชนิดอื่นเช่นยาขับปัสสาวะหรือทานเพียงยาแอสไพรินเเละยาไอบลูโพรเฟน รวมถึงยาประเภทอื่นๆในกลุ่มเดียวกันเช่นยาอินโดเมทาซิน (TIVORBEX) เมื่อยายาเหล่านี้เเล้ว ควรดื่มน้ำตามให้มากๆหรือดื่มน้ำตอนที่คุณกระหายเท่านั้น ถ้าหากโรคเบาจืดเกิดจากการทานยาที่คุณใช้อยู่ แพทย์จะแนะนำให้หยุดใช้ยาชนิดนั้นและเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่น แต่อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรหยุดใช้ยาเอง โดยไม่ปรึกาาแพทย์ก่อน

การรักษาตามอาการ

ถ้าหากโรคเบาหวานเกิดจากปัจจัยอื่นๆเช่น เนื้องอกหรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมใต้สมอง แพทย์จะทำการรักษาอาการที่เกิดขึ้นก่อนและทำการรักษาโรคเบาจืดเป็นลำดับถัดไป ถ้าจำเป็น  โรคเบาจืดไม่มีวิธีการรักษาเฉพาะ โดยเบื้องต้นสามารถรักษาอาการที่เกิดขึ้นเเละปัญหาทางด้านจิตใจ เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ

การเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตและการทานอาหาร

การเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคเบาจืด สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันภาวะขาดน้ำ คุณสามารถพกขวดน้ำไปด้วยเพื่อดื่มระหว่างวันหรือให้เด็กที่เป็นโรคเบาจืดดื่มน้ำทุกๆชั่วโมง โดยแพทย์จะช่วยระบุปริมาณน้ำที่คุณจำเป็นต้องดื่มในแต่ละวัน การจดบันทึกเวลาการทานยาหรือสวมใสสายรัดข้อมือเพื่อเตือนว่าคุณมีภาวะเบาจืดสามารถช่วยให้ผู้อื่นทราบได้ในกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามภาวะขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ดังนั้นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยโรคเบาจืดจำเป็นต้องทราบว่ามีคนเป็นโรคนี้

บทสรุป

การรักษาโรคเบาจืดขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ควรรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อน โดยปกติโรคเบาจืดไม่ได้ทำให้เกิดโรคเรื้อรังหรือภาวะเเทรกซ้อนในระยะยาว     

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/diabetes-insipidus/symptoms-causes/syc-20351269
  • https://www.nhs.uk/conditions/diabetes-insipidus/
  • https://www.niddk.nih.gov/health-information/kidney-disease/diabetes-insipidus
  • https://www.webmd.com/diabetes/guide/what-is-diabetes-insipidus

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด