แผลติดเชื้อ (Wound Infection) อาการ สาเหตุ การรักษา

โดยปกติบาดแผลติดเชื้อ (Wound Infection) คือการที่เนื้อเยื่อรอบๆบาดแผลได้รับความเสียหายซึ่งบาดแผลสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย  เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังของเราได้ผ่านบาดแผลบริเวณที่เกิดแผลสามารถเกิดการติดเชื้อได้ โดยการติดเชื้อใช้ระยะเวลาเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วัน หลังจากมีบาดแผลเกิดขึ้นหรือจนกว่าสามารถรักษาบาดแผลให้หายอย่างสมบูรณ์ อ่านบทความนี้เพื่อเรียนรู้วิธีบ่งบอกลักษณะแผลติดเชื้อและวิธีรักษารวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลติดเชื้อ Wound Infection

อาการของบาดแผลติดเชื้อ

ลักษณะของแผลธรรมดาที่ไม่ติดเชื้อมักหายไปได้เอง ในขณะที่แผลติดเชื้อมักทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและรักษาไม่หาย ลักษณะของผิวหนังติดเชื้อคือโดยปกติผิวหนังรอบๆของแผลจะมีลักษณะบวมเเดงและมีอุณหภูมิร้อนขึ้นโดยคุณสามารถสังเกตุได้ว่าบริเวณที่เกิดการติดเชื้อมีอาการบวมขึ้นและเมื่อมีการอักเสบเพิ่มมากขึ้นผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อจะมีของเหลวไหลออกมาเรียกว่าน้ำหนอง คุณควรไปพบเเพทย์หากมีลักษณะอาการของแผลติดเชื้อเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ 
  • มีอาการบวมแดงเกิดขึ้นที่แผลเเละแพร่กระจายไปยังบริเวณรอบๆที่เกิดการอักเสบ
  • เมื่อคุณมีอาการเจ็บปวดหรือมีไข้
  • เมื่อคุณรู้สึกเหมือนเป็นไข้
อาการดังต่อไปนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการติดเชื้อได้เกิดการเเพร่กระจายเเล้ว

วิธีรักษาแผลติดเชื้อที่บ้าน

ถ้าหากคุณเริ่มสังเกตุเห็นว่าบาดแผลเริ่มมีอาการบวมแดงเกิดขึ้น คุณสามารถรักษาแผลบวมแดงได้เองที่บ้าน  ควรมั่นใจว่าคุณได้ล้างบาดแผลของคุณด้วยสบู่และน้ำสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกให้หมด สบู่ฆ่าเชื้อโรคที่นำมาใช้ควรมีส่วนผสมของสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ สามารถใช้ล้างบาดแผลได้หลายครั้ง หลังจากที่ล้างบาดแผลให้สะอาดแล้ว ควรปล่อยให้แผลแห้งเเละใช้ยาทาแผลติดเชื้อซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะเช่นยา Neosporin ที่ใช้สำหรับทาแผลสดและใช้ผ้าพันบาดแผลจนกว่าผิวหนังใหม่จะเกิดขึ้นคลุมบาดแผล   ถ้าหากยังคงทีแผลบวมแดงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นแผลมีหนองควรไปพบเเพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด อย่าพยายามรักษาบาดแผลติดเชื้อด้วยตนเองที่บ้าน ควรไปพบเเพทย์เพื่อทำการรักษาแทน

การรักษาแผลติดเชื้อด้วยวิธีอื่นๆ

ถ้าหากคุณมีแผลติดเชื้อที่ไม่สามารถรักษาเองได้ที่บ้าน คุณจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่ได้รับจากแพทย์ ซึ่งยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ที่ใช้ได้แก่
  • ยา amoxicillin-clavulanate (Augmentin, Augmentin-Duo)
  • ยา cephalexin (Keflex)
  • ยา doxycycline (Doryx)
  • ยา dicloxacillin
  • ยา trimethoprim-sulfamethoxazole (Bactrim, Septra)
  • ยา clindamycin (Cleocin)
แพทย์จะทำความสะอาดแผลติดเชื้อและตกแต่งแผลให้ดีขึ้น โดยแพทย์จะใช้ยาชาชนิดทาบริเวณรอบๆบาดเเผลก่อนทำความสะอาดแผลเพื่อบรรเทาอาการปวด

ภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้

ถ้าหากไม่รักษาบาดแผลติดเชื้อทันที การอักเสบติดเชื้อจะเริ่มแพร่กระจายเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนลึกใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถเรียกอาการนี้ว่าเนื้อเยื่อผิวหนังอักเสบเป็นสาเหตุทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเเสเลือดเเละแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เมื่อเกิดอาการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นคุณจะเริ่มรู้สึกไม่สบายและเริ่มเป็นไข้ ภาวะเนื้อเยื่ออักเสบติดเชื้อเป็นการติดเชื้อที่รุนเเรงจากแผลติดเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากการที่บาดแผลไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจึงทำให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนังเช่นโรคแผลพุพองและมีเกิดฝีหนองขึ้น ในกรณีที่ร้ายเเรง หากปล่อยให้เกิดแผลติดเชื้อทิ้งไว้ไม่รักษาอาจทำให้เกิดโรคเนื้อเน่าหรือโรคที่รู้จักกันดีว่าเป็น “โรคแบคทีเรียกินเนื้อ” ได้ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรียได้เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อจนก่อให้เกิดความเสียหายที่ผิวหนังและเจ็บปวด

ผู้ใดมีความเสี่ยงเกิดแผลติดเชื้อ

มีเหตุการณ์หรือปัจจัยที่เพิ่มโอกาสเกิดแผลติดเชื้ออย่างเช่นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเพิ่มโอกาสเสี่ยงดังต่อไปนี้ 

วิธีป้องกันบาดแผลติดเชื้อ

ควรทำสะอาดทันทีหลังจากได้รับบาดเจ็บ ใช้ลำสีชุบแอกอฮอลเช็ดบาดแผลหรือสามารถใช้น้ำสะอาดเช็บได้หากไม่มีสำลี  เมื่อคุณทำความสะอาดบาดแผลเเล้ว ควรปล่อยบาดแผลทิ้งไว้ให้แห้งจากนั้นใช้ยาทาแผลติดเชื้อหรือครีมยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคและใช้ผ้าก๊อซปิดแผลเพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลลุกลาม ควรมั่นใจว่าคุณได้ปิดแผลอย่างเหมาะสมเเละถ้าหากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อเรียนรู้วิธีรักษาแผลที่เหมาะสม ควรไปพบแพทย์หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ 
  • คุณสังเกตุพบสิ่งแปลกปลอมอยู่ในบาดแผล
  • คุณไม่สามารถหยุดเลือดจากบาดแผลได้ 
  • แผลมีขนาดใหญ่
  • บาดแผลเกิดจากแมงกัดต่อยหรือคนกัด 
คุณควรสังเกตุแผลเปิดที่เกิดขึ้นตลอดเวลาว่ามีสัญญาณหรืออาการติเชื้อหรือไม่เพราะหากพบการติดเชื้อในระยะเริ่มต้นจะทำให้สามารถรักษาแผลให้หายได้เร็วและง่ายมากขึ้น

อาหารที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผลคืออะไร 

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นปริศนาที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผลและรักษาสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ นั่นหมายความว่าคุณควรควบคุมอาหารให้สมดุลและรวมถึงอาหารที่จำเป็นทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
  • โปรตีน
  • สารอาหารรอง (วิตามินและแร่ธาตุ)
  • ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
  • คาร์โบไฮเดรต

บทบาทของโปรตีนในการรักษาบาดแผล

โปรตีนเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของอาหารใด ๆ เพราะมันถูกใช้ในเกือบทุกส่วนของร่างกายของคุณ ในแง่ของการรักษาบาดแผลโปรตีนจะใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยนำพาออกซิเจนไปทั่วร่างกาย และช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ

อาหารรักษาที่มีโปรตีน

อาหารหลายชนิดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่สามารถช่วยในการรักษาได้ เหล่านี้รวมถึง:
  •  อกไก่ 3 ออนซ์ = โปรตีน 21 กรัม
  • โยเกิร์ต 8 ออนซ์ = โปรตีน 11 กรัม
  • นม 1 ถ้วย = โปรตีน 8 กรัม
  • ถั่วเมล็ดแห้ง 1 ถ้วย = โปรตีน 16 กรัม

โปรตีนที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผล

ปริมาณโปรตีนที่ต้องการต่อวันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไป ผู้ชายที่ไม่ได้ออกกำลังกายโดยเฉลี่ยต้องการ 56 กรัมต่อวัน ผู้หญิงที่ไม่ได้ออกกำลังกายโดยเฉลี่ยต้องกินโปรตีน 46 กรัมต่อวัน ผู้ที่มีบาดแผลและอาการป่วยอื่นๆ จำเป็นต้องรับประทานโปรตีนให้มากขึ้นในแต่ละวันเพื่อช่วยในการรักษาบาดแผล คุณอาจพิจารณาหาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลบาดแผลเพื่อช่วยกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในการรักษา

กรดอะมิโนกับการรักษาบาดแผล

กรดอะมิโนช่วยสร้างโปรตีนและนำไปใช้ในทุกเซลล์ของร่างกาย กรดอะมิโนหลายชนิดมีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งมีความสำคัญมากในการสมานแผล  

อาหารรักษาที่มีกรดอะมิโน

อาร์จินีนเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังบาดแผล ส่งผลให้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นและลดการอักเสบ อาหารที่มีอาร์จินีนสูง ได้แก่ เมล็ดฟักทอง นม โยเกิร์ต และชีส กรดอะมิโนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในการรักษา คือ กลูตามีนซึ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ควบคุมการเผาผลาญไนโตรเจน และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน อาหารเพื่อสุขภาพที่มีกลูตามีนสูง ได้แก่ ไก่ ปลา กะหล่ำปลี ผักโขม อาหารที่ทำจากนม เต้าหู้ ถั่วเลนทิล และถั่ว คลินิกดูแลบาดแผลสามารถสั่งอาหารเสริมสำหรับดูแลบาดแผลที่มีกรดอะมิโนเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับเพียงพอ

สารอาหารรองกับการรักษาบาดแผล

สารอาหารรองที่จำเป็นสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุ ในขณะที่ร่างกายของคุณต้องการสารอาหารรองที่หลากหลาย การวิจัยแสดงให้เห็นว่าสังกะสีและวิตามิน A และ C เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับการรักษาบาดแผล สารอาหารรองแต่ละชนิดเหล่านี้มีความจำเป็นต่อกระบวนการบำบัดโดยกำเนิดของร่างกาย และเมื่อคุณได้รับไม่เพียงพอ คุณอาจสังเกตเห็นว่าคุณเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ พวกเขายังช่วยตอบสนองการอักเสบของร่างกายและช่วยผลิตคอลลาเจน สารอาหารรองที่โดดเด่นอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อการรักษาบาดแผล ได้แก่ แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง วิตามินอี และวิตามินบี

อาหารรักษาที่มีสารอาหารรอง

แม้ว่าจะเป็นการดีที่สุดที่จะรับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผล แต่ทางเลือกที่ดีบางอย่าง ได้แก่:
  • อาหารที่มีแร่ธาตุสูง: หอยนางรม ผักโขม ถั่ว เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลิสง ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วดำและถั่วเลนทิล กล้วย และปลา
  • อาหารที่มีวิตามินสูง: ผลไม้รสเปรี้ยว พริกหยวก ธัญพืชเต็มเมล็ด ไข่ ผักใบเขียวเข้ม ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ผักใบเขียว ถั่วเหลือง อัลมอนด์ มันฝรั่งหวาน และนม

คาร์โบไฮเดรตกับการรักษาบาดแผล

เมื่อบางคนได้ยินคำว่า “คาร์โบไฮเดรต” พวกเขาคิดโดยอัตโนมัติว่าคาร์โบไฮเดรตจะสลายเป็นน้ำตาล เช่น กลูโคสได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุล น้ำตาลกลูโคสนี้จะถูกนำไปใช้งานได้ดี กลูโคสจะเปลี่ยนเป็นอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (ATP) ซึ่งเป็นพลังงานระดับเซลล์ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ในกระบวนการบำบัด

ไขมันยังจำเป็นต่อการรักษาบาดแผลอีกด้วย

ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ (เช่น กรดไขมัน ลิพิด ฟอสโฟลิพิด ไลโนเลอิก และกรดอะราคิโดนิก) มีบทบาทสำคัญในการรักษาร่างกายและส่งเสริมการรักษาบาดแผลอย่างเหมาะสม การวิจัยพบว่าไขมันที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและการเผาผลาญของเซลล์ และช่วยในเรื่องการอักเสบ

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/325040
  • https://dermnetnz.org/topics/wound-infections/
  • https://medlineplus.gov/ency/article/007645.htm
  • https://www.who.int/hac/techguidance/tools/guidelines_prevention_and_management_wound_infection.pdf

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด