ภาพรวม

การผ่าฟันคุด (Wisdom tooth extraction) คือการผ่าตัดเพื่อนำเอาฟันคุดหนึ่งซี่หรือมากกว่านั้นออก -เป็นฟันแท้ที่อยู่บริเวณมุมด้านหลังของช่องปากด้านบนและด้านล่าง หากฟันคุดไม่มีพื้นที่ว่างพอให้ขึ้นมา (ฟันคุด) ส่งผลให้เกิดอาการปวด, ติดเชื้อหรือมีปัญหาเกี่ยวกับฟันอื่นๆ คุณจึงมีความจำเป็นต้องนำมันออกมา การผ่าฟันคุดต้องทำโดยทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดทางช่องปาก เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต ทันตแพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเอาฟันคุดออกเสียแม้ฟันคุดนั้นจะยังไม่ได้ก่อปัญหาก็ตาม

ทำไมต้องผ่าฟันคุด

ฟันคุดหรือฟันกรามซี่ที่ 3 คือฟันแท้ที่งอกขึ้นมาในช่องปาก ฟันซี่นี้มักจะปรากฎออกมาให้เห็นในช่วงอายุ 17 ถึง 25 ปี บางคนอาจไม่เคยมีฟันคุดเลย แต่กับคนอื่นๆการโผล่ปะทุขึ้นมาของฟันคุดถือว่าเป็นเรื่องปกติ- ไม่ต่างกับฟันกรามซี่อื่นๆ-และไม่ใช่สาเหตุที่เป็นปัญหา คนส่วนใหญ่มักมีฟันคุดในช่องปาก-คือฟันที่ไม่มีพื้นที่ในช่องปากมากพอให้โผล่ขึ้นมาหรือขึ้นมาตามปกติได้ ฟันคุดอาจโผล่ขึ้นมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ฟันคุดอาจโผล่ขึ้นมาได้หลายแบบเช่น:
  • การขึ้นทำมุมไปทางฟันกรามซี่ถัดไป (ฟันกรามซี่ที่สอง)
  • การขึ้นทำมุมไปทางด้านหลังของช่องปาก
  • การขึ้นทำมุมไปยังฟันซี่อื่นๆ ราวกับว่าฟันคุดนั้นกำลัง “นอน” อยู่ภายในกระดูกขากรรไกร 
  • การขึ้นของฟันคุดก็เหมือนกับฟันซี่อื่นๆเพียงแต่ยังติดอยู่ภายในกระดูกขากรรไกร

ปัญหาที่เกิดกับฟันคุด

คุณอาจมีความจำเป็นต้องนำเอาฟันคุดออกหากว่าส่งผลให้เกิดปัญหาเช่น:

  • อาการปวด
  • มีอาหารหรือเศษอาหารไปติดอยู่ด้านหลังของฟันคุด
  • มีโรคเหงือกหรือโรคติดเชื้อ (โรคปริทันต์)
  • เกิดฟันผุบนฟันคุดที่โผล่ขึ้นมา
  • มีความเสียหายบริเวณฟันใกล้ๆหรือรอบๆกระดูก
  • เกิดถุงน้ำ (ซีสต์) ขึ้นรอบๆฟันคุด
  • มีภาวะแทรกซ้อนกับฟันซี่อื่นๆในการจัดฟัน

การป้องกันการเกิดปัญหากับฟันในอนาคต

ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญไม่เห็นด้วยกับเรื่องการผ่าฟันคุดซี่ที่ไม่ได้ก่อปัญหา (แบบไม่แสดงอาการ)  จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงปัญหาในอนาคตกับฟันคุด แต่อย่างไรก็ตามนี่คือเหตุผลที่ควรผ่าฟันคุดออกเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน
  • ฟันคุดยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอยู่แม้จะไม่แสดงอาการก็ตาม
  • หากไม่มีเนื้อที่พอให้ฟันคุดขึ้นมา มันจึงเป็นยากที่จะเข้าถึงและทำความสะอาดได้อย่างเหมาะสม
  • ภาวะแทรกซ้อนของฟันคุดมักเกิดขึ้นได้น้อยในวัยหนุ่มสาว
  • วัยผู้ใหญ่อาจประสบความยุ่งยากในการผ่าตัดและอาจมีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดได้ (Older adults may experience difficulty with surgery and complications after surgery)

ความเสี่ยง

การผ่าฟันคุดส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว แต่อย่างไรก็ดีการนำเอาฟัดคุดออกจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดด้วยการกรีดเข้าไปที่เนื้อเยื่อเหงือกและนำเอากระดูกฟันออกมา ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้แต่พบได้ไม่บ่อยมากนัก คือ:
  • มีอาการปวดที่เบ้าฟัน หรือกระดูกได้รับเชื้อเมื่อเกิดลิ่มเลือดหลังการผ่าตัดในบริเวณแผลผ่าตัด (เบ้าฟัน)
  • มีการติดเชื้อในเบ้าฟันจากเชื้อแบคทีเรียหรือจากเศษอาหารที่เข้าไปติดค้าง
  • ฟันซี่ข้างเคียง, เส้ยประสาท, ขากรรไกรหรือโพรงจมูกเกิดความเสียหาย

ควรเตรียมตัวอย่างไร

ทันตแพทย์ของคุณอาจทำการผ่าตัดในที่ทำงาน แต่หากพบว่าฟันคุดของผู้ป่วยอยู่ลึกอาจจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดที่มีความละเอียดมาก  ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ไปพบแพทย์ทางด้านการผ่าตัดช่องปากโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังต้องทำให้เกิดอาการชาด้วยยาชาเสียก่อน แพทย์อาจแนะนำยากล่อมประสาทเพื่อทำให้คนไข้รู้สึกสบายมากขึ้นในระหว่างการผ่าตัด

คำถามที่ควรถาม

ต่อไปนี้คือคำถามที่คุณควรถามทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดของคุณคือ:
  • มีฟันคุดกี่ซี่ที่ต้องเอาออกไป?
  • ได้รับยาชารูปแบบไหน?
  • มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดอะไรได้บ้าง?
  • การผ่าตัดใช้เวลานานแค่ไหนฟันคุดนั้นๆทำให้ฟันซี่อื่นๆเสียหายด้วยไหม?
  • ฟันคุดที่มีทำความเสียหายให้กับฟันซี่อื่นๆหรือไม่?
  • มีความเสี่ยงให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทหรือไม่?
  • มีการรักษาเกี่ยวกับฟันอื่นๆอีกบ้างไหมที่เราควรต้องมาทำวันหลัง?
  • ต้องใช้เวลาในการรักษานานแค่ไหนกว่าจะสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ?

การเตรียมตัวผ่าตัด

การผ่าฟันคุดส่วนใหญ่มักเป็นการผ่าตัดแบบคนไข้นอก ซึ่งนั่นหมายความว่าสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน คุณควรได้รับคำแนะนำจากโรงพยาบาลหรือคลีนิคทำฟันถึงสิ่งที่ควรทำก่อนการผ่าตัด และในวันผ่าตัดควรถามคำถามต่างๆเหล่านี้:
  • มีความจำเป็นต้องมีคนขับรถพากลับบ้านหลังการผ่าตัดหรือไม่?
  • ควรมาถึงโรงพยาบาลหรือคลีนิคเมื่อไร?
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มหรือทั้งคู่หรือไม่ ถ้าต้องอดอาหารควรเริ่มเมื่อไร?
  • ต้องมียาสั่งให้รับประทานก่อนการผ่าตัดหรือไม่ ถ้ามี ควรเริ่มทานก่อนการผ่าตัดเมื่อไร?
  • ควรงดยาที่แพทย์ไม่ได้สั่งก่อนการผ่าตัดหรือไม่y?
Wisdom Tooth Extraction

สิ่งที่ควรคาดหวัง

ในระหว่างการผ่าตัดถอนฟันคุด

ทันตแพทย์หรือแพทย์ที่รับผิดชอบการผ่าตัดของคุณอาจใช้ยาชาหนึ่งในสามอย่างดังต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับฟันคุดที่ตั้งใจเอาออกและระดับความสบาย ทางเลือกมีดังต่อไปนี้:
  • การให้ยาชาเฉพาะที่ ทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดช่องปากอาจฉีดยาชาหนึ่งเข็มหรือมากกว่านั้นในบริเวณใกล้ๆฟันคุดแต่ละซี่ ก่อนที่จะได้รับการฉีดยาชา ทันตแพทย์จะป้ายยาชาลงที่บริเวณเหงือกเพื่อทำให้เกิดอาการชาเสียก่อน คุณจะตื่นอยู่ตลอดเวลาในระหว่างการผ่าตัด คุณจะรู้สึกถึงแรงกดและการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่คุณไม่ควรรู้สึกเจ็บ
  • การให้ยาระงับความรู้สึกแบบกล่อมประสาท ทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดช่องปากจะจ่ายยาระงับความรู้สึกผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าที่หน้าแขน ยาระงับความรู้สึกจะไปกดความรู้สึกในระหว่างการผ่าตัด คุณจะไม่รู้สึกทุกความเจ็บปวดและอาจรู้สึกสลึมสลือจำอะไรไม่ค่อยได้ในระหว่างผ่าตัด คุณอาจได้รับยาชาเฉพาะที่เพื่อทำให้เหงือกมีอาการชาด้วย
  • การให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วตัว ในบางสถานการณ์คุณอาจได้รับข้อเสนอให้ใช้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วตัว คุณอาจใช้วิธีดมยาผ่านทางจมูกหรืออาจผ่านทางหลอดเลือดดำทางหน้าแขน หรือทั้งคู่ จากนั้นคุณก็จะหมดสติ ทีมผ่าตัดจะเฝ้าติดตามดูอาการ, การหายใจ,อุณหภูมิ,และความดันเลือดอย่างใกล้ชิด คุณจะไม่รู้สึกถึงการเจ็บปวดใดๆและจำเรื่องการผ่าตัดไม่ได้เลย อาจมีการยาชาเฉพาะที่ร่วมด้วยเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายหลังการผ่าตัด
ในระหว่างการผ่าตัด ทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดช่องปากจะทำสิ่งต่อไปนี้:
  • จะกรีดแผลเล็กๆที่บริเวณเหงือกเพื่อเปิดให้เห็นฟันและกระดูกด้านใน
  • ย้ายชิ้นส่วนกระดูกที่กีดขวางการเข้าถึงรากฟัน
  • แบ่งฟันออกเป็นส่วนๆหากพบว่าทำให้ง่ายต่อการนำออกมา
  • นำฟันคุดออกมา
  • ทำความสะอาดบริเวณเบ้าฟันที่นำฟันคุดหรือกระดูกออกมา
  • เย็บปิดแผลเพื่อช่วยสมานแผล 
  • วางแผ่นผ้าก็อซทับบริเวณที่ถอนเพื่อควบคุมเลือดที่ไหลออกมาและช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

หลังการผ่าตัด

หากคุณได้รับยาระงับความรู้สึกชนิดกล่อมประสาทหรือยาระงับความรู้สึกชนิดแบบทั้งตัว คุณอาจต้องพักในห้องรอดูอาการหลังการผ่าตัดก่อน หากคุณใช้เพียงยาชาเฉพาะที่คุณสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วบนเก้าอี้ทำฟันได้เลย เพื่อการดูแลหลังการผ่าตัด ทันตแพทย์อาจให้คำแนะนำดังต่อไปนี้:
  • เลือดไหล อาจมีเลือดซึมออกมาในวันแรกหลังผ่าเอาฟันคุดออกมา พยายามหลีกเลี่ยงการบ้วนน้ำลายบ่อยๆเพื่อจะได้ไม่ทำให้เลือดออกมาจากเบ้าฟัน เปลี่ยนแผ่นผ้าก็อซที่ปิดทับบริเวณมี่ผ่าฟันคุดออก
  • การจัดการกับอาการปวด คุณสามารถจัดการอาการปวดด้วยยาบรรเทาอาการปวดที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านยาทั่วไปได้ เช่น ยาอะเซตามีโนเฟน (ไทลินอลและอื่นๆ) หรือยาแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจต้องสั่งจ่ายยาดังกล่าวเป็นพิเศษโดยเฉพาะเพื่อช่วยหากมีการนำเอากระดูกออกในระหว่างการผ่าตัด การประคบเย็นบริเวณกรามก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้
  • อาการบวมและฟกช้ำ ใช้การประคบเย็นตรงบริเวณที่ผ่า อาการบวมที่บริเวณแก้มจะดีขึ้นภายในสองถึงสามวัน รอยฟกช้ำอาจใช้เวลามากกว่าหลายวัน
  • การทำกิจกรรม หลังการผ่าตัด ควรวางแผนการพักผ่อนในวันที่ทำการผ่าตัด  และเริ่มกลับไปทำกิจกรรมตามปกติในวันถัดมา แต่อย่างน้อยควรหลีกเลี่ยงอย่างต่ำหนึ่งสัปดาห์สำหรับกิจกรรมที่มีความรุนแรง ที่อาจส่งผลทำให้เลิอดออกจากเบ้าฟันได้อีก
  • เครื่องดื่ม. ควรดื่มน้ำเยอะๆหลังการผ่าตัด ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์, คาเฟอีน, โซดาหรือเครื่องดื่มร้อนใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ไม่ควรดื่มน้ำผ่านหลอดดูดอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพราะการดูดทำให้เลือดออกจากเบ้าฟันได้
  • อาหาร ควรรับประทานอาหารนิ่มๆเท่านั้น เช่น โยเกิร์ตหรือซอสแอปเปิ้ล ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด และเริ่มรับประทานอาหารกึ่งนุ่มเมื่อเริ่มทานอาหารไหว หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง,อาหารที่ต้องเคี้ยว, อาหารร้อนหรือเผ็ดที่อาจเข้าไปติดค้างอยู่ในเบ้าฟันหรือแผลผ่าตัด
  • การทำความสะอาดฟัน ยังไม่ควรแปรงฟัน ให้อมกลั้วปากและบ้วนออก หรือใช้น้ำยาบ้วนปากในระหว่าง 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด สามารถกลับมาแปรงฟันได้อีกครั้งหลังผ่านไป 24 ชั่วโมง ควรเบามือในบริเวณใกล้แผลผ่าตัดเมื่อแปรงฟัน และควรบ้วนปากด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือทุกๆสองชั่วโมงและหลังมื้ออาหารเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
  • การสูบบุหรี่ การคุณสูบบุหรี่ ควรงดอย่างน้อย 72 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด-และอาจคอยนานกว่านั้นหากเป็นไปได้ หากคุณเคี้ยวใบยาสูบ ควรงดอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ การสูบบุหรี่หลังการผ่าตัดอาจทำให้แผลหายช้าและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
  • รอยเย็บ คุณอาจมีรอบเย็บแบบไหมละลายที่อาจหายได้เองภายใน สองสามสัปดาห์หรือไม่มีรอยเย็บเลย หากรอยเย็บมีความจำเป็นต้องต้องไปตัดออก แพทย์จะนัดวันในการตัดไหมเอง

ควรโทรหาทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดเมื่อไร

ควรโทรหาทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดช่องปากของคุณหากพบว่ามีสํญญานหรืออาการที่อาจแสดงว่ากำลังติดเชื้อ, เส้นประสาทเสียหายหรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่นๆเช่น:
  • การกลืนหรือการหายใจลำบาก
  • มีเลือดออกมากเกินไป
  • มีไข้
  • มีอาการปวดรุนแรงและไม่บรรเทาแม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม
  • มีอาการบวมแย่ลงหลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน
  • รสชาติในปากแย่และไม่หายแม้จะบ้วนปากด้วยน้ำเกลือแล้วก็ตาม
  • มีหนองหรือของเหลวไหลซึมออกมาจากเบ้าฟัน
  • ยังมีอาการชาหรือไม่มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่
  • มีเลือดหรือหนองในน้ำมูก

ผลลัพธ์

คุณอาจไม่มีความจำเป็นต้องไปตามนัดอีกหลังการผ่าตัดฟันคุดถ้า:
  • ไม่มีไหมเย็บต้องไปตัดออก
  • ไม่มีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัด
  • คุณไม่มีอาการใดๆ เช่นอาการปวด, บวม, ชา,หรือเลือดออก-คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจแสดงว่ากำลังมีการติดเชื้อ, เส้นประสาทเสียหายหรือปัญหาอื่นๆ
หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมา ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์ผ่าตัดช่องปากเพื่อหาทางเลือกในการรักษา

อาหารที่แนะนำหลังจากการผ่าฟัน

หลังจากการถอนฟันคุดแล้ว จำเป็นต้องรับประทานอาหารอ่อนๆ และมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อส่งเสริมการรักษาและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ต่อไปนี้เป็นแนวทางการบริโภคอาหารและคำแนะนำด้านอาหารสำหรับวันหลังการถอนฟันคุด:
  1. อาหารอ่อนและผสม:ในวันหลังการผ่าตัดให้เน้นอาหารอ่อนและผสมที่กินง่ายโดยไม่ต้องเคี้ยว อาหารเหล่านี้ช่วยป้องกันการระคายเคืองหรือการบาดเจ็บบริเวณที่ทำการผ่าตัด
  2. อาหารเย็น:อาหารเย็นสามารถช่วยลดอาการบวมและบรรเทาอาการได้ ลองทานอาหารอย่างโยเกิร์ตเย็น ไอศกรีม และสมูทตี้
  3. ดื่มน้ำให้มาก:การคงความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษา ดื่มน้ำปริมาณมาก แต่หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูด เนื่องจากการดูดอาจทำให้ลิ่มเลือดหลุดออกไปและทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้
  4. หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดและเป็นกรด:อาหารรสเผ็ดและเป็นกรดอาจทำให้บริเวณที่ผ่าตัดระคายเคืองและทำให้กระบวนการหายช้าลง หลีกเลี่ยงสิ่งของต่างๆ เช่น ซอสเผ็ด ผลไม้รสเปรี้ยว และมะเขือเทศ
  5. อาหารที่อุดมด้วยโปรตีน:โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมแหล่งโปรตีน เช่น โยเกิร์ต พุดดิ้ง ไข่คน และชีสเนื้อนิ่ม
  6. ผักปรุงสุกและบด:ผักปรุงสุกและบด เช่น มันฝรั่ง มันเทศ และแครอท มีคุณค่าทางโภชนาการและบริโภคง่าย
  7. ซอสแอปเปิ้ล:ซอสแอปเปิ้ลไม่หวานเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มสารอาหารและเส้นใยโดยไม่จำเป็นต้องเคี้ยว
  8. ข้าวโอ๊ตหรือครีมข้าวสาลี:ธัญพืชเหล่านี้สามารถทำให้นิ่มลงได้ด้วยนมหรือน้ำ และเป็นแหล่งพลังงานที่ดี
  9. คอทเทจชีส:คอทเทจชีสเป็นตัวเลือกที่อุดมด้วยโปรตีนและมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม
  10. ซุปที่ใช้น้ำซุป:ซุปใสที่ใช้น้ำซุป เช่น ซุปไก่หรือซุปผัก สามารถให้สารอาหารที่จำเป็นและให้ความชุ่มชื้นได้
  11. พุดดิ้งและเจลาติน:ของหวานเหล่านี้กลืนง่ายและช่วยให้ผ่อนคลายได้
  12. หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือกรุบกรอบ:อยู่ห่างจากอาหารที่แข็งหรือต้องเคี้ยวมาก เช่น ถั่ว เมล็ดพืช มันฝรั่งทอด และป๊อปคอร์น
  13. ค่อยๆ เปลี่ยนไปรับประทานอาหารแข็ง:เมื่อคุณหายดีแล้ว ให้ค่อยๆ เปลี่ยนไปรับประทานอาหารตามปกติมากขึ้น เริ่มต้นด้วยอาหารแข็งที่นิ่มกว่า เช่น พาสต้าปรุงสุก มันบด และผลไม้เนื้ออ่อน และรับประทานอาหารตามปกติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ช่องปากหรือทันตแพทย์
  14. ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัด:อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัดของศัลยแพทย์ช่องปากหรือทันตแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ยา และสุขอนามัยในช่องปาก
  15. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่:งดผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และบุหรี่ในระหว่างกระบวนการบำบัด เนื่องจากอาจทำให้การรักษาล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
โปรดจำไว้ว่ากระบวนการเยียวยาของทุกคนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำด้านโภชนาการเฉพาะของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ หากคุณรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง มีเลือดออกต่อเนื่อง หรือมีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โปรดติดต่อผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณทันทีเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/wisdom-tooth-extraction/about/pac-20395268
  • https://www.nhs.uk/conditions/wisdom-tooth-removal/what-happens/
  • https://www.webmd.com/oral-health/wisdom-teeth-adult
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/321657
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด