อาการบวมของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (Swollen Lymph Nodes in the Groin) เกิดจากการบาดเจ็บ หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เท้าของนักกีฬา การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) และอาจมีสาเหตุมาจากโรคมะเร็งก็เป็นได้
ต่อมน้ำเหลืองช่วยให้ร่างกายสามารถรับมือกับการติดเชื้อ โดยต่อมเล็ก ๆ เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกรอง และดักจับแบคทีเรีย ไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ที่สามารถทำให้ร่างกายคนเราสามารถเจ็บป่วยได้
โดยปกติต่อมน้ำเหลืองจะมีขนาดไม่เกิน ½ นิ้ว ซึ่งเทียบเท่าเมล็ดถั่ว แต่ต่อมน้ำเหลืองสามารถเติบโตได้อีก ซึ่งอาจโตได้ถึงขนาดเท่ากับลูกเทนนิส
อาการต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม
ต่อมน้ำเหลืองที่มีความผิดปกติ คือ ต่อมน้ำเหลืองที่โต กว่า 1 เซ็นติเมตร
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตและบวม ทำให้เจ็บปวดจากการสัมผัสและผิวหนังบริเวณนั้นจะมีลักษณะแดง และอักเสบ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุด้วย
หากอาการบวมเกิดจากการติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บของร่างกายส่วนล่าง อาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- ผื่น ระคายเคืองผิว หรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศหรือร่างกายส่วนล่าง
- ตกขาว
- ผิวหนังพุพอง หรือมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ
- ผิวหนังแดงและอักเสบ
- คัน
- มีไข้
อาการอื่นๆ ที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม โดยเป็นสัญญาณของมะเร็งได้แก่
- ต่อมน้ำเหลืองบวมเกิน 2 สัปดาห์
- อ่อนเพลีย
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- ไข้ไม่ลด
- ต่อมน้ำเหลืองบวมและแข็ง
- ต่อมน้ำเหลืองโตอย่างรวดเร็ว
- น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม เกิดจากการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อร่างกายส่วนล่าง ดังต่อไปนี้
- ขาหนีบ
- อวัยวะเพศ
- ระบบทางเดินปัสสาวะ
- ขา
- เท้า
ตัวอย่างเช่น
- เท้าของนักกีฬา: การติดเชื้อราที่จะมีอาการเริ่มเป็นผื่นที่เป็นขุยระหว่างนิ้วเท้า
- คัน: การติดเชื้อราที่ทำให้เกิดผื่นแดงคันที่บริเวณขาหนีบ
- การติดเชื้อในช่องคลอดหรืออวัยวะเพศชาย: เกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อรา Candida
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI): การติดเชื้อจะส่งผลต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ
- เซลลูไลติส: การติดเชื้อที่ผิวหนังที่พบบ่อย และร้ายแรง ทำให้เกิดรอยแดงและบวม มักพบในขาส่วนล่าง
- Balanitis: อาการระคายเคืองที่ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศโดยพบได้บ่อยในผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
- Prostatitis: ต่อมลูกหมากโต เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการไดดรับบาดเจ็บ
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ: การอักเสบของกระเพาะปัสสาวะส่วนใหญ่ เกิดจากยาบางชนิดหรือการได้รับความระคายเคือง
- โรคเริมที่อวัยวะเพศ: โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และต่อมน้ำเหลืองบวมที่ขาหนีบก่อนที่จะเกิดแผลที่อวัยวะเพศ
- โรคหนองใน: โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยซึ่งมักไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ทำให้เกิดสารคัดหลั่งและปวดปัสสาวะบ่อยได้
- โรคซิฟิลิส: โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรง ทำให้เกิด แผลริมอ่อน และพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษา
- HIV: มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน อาการแรกเริ่มคล้ายไข้หวัดใหญ่ และต่อมน้ำเหลืองบวม
ในบางกรณีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมอาจเป็นสัญญาณจากมะเร็ง ได้แก่มะเร็งที่หลัง กระดูกเชิงกราน และขาส่วนล่างสามารถแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบได้ ตัวอย่างมะเร็งที่ส่งผลมีดังนี้
- มะเร็งผิวหนัง
- มะเร็งอัณฑะ
- มะเร็งรังไข่
ต่อมน้ำเหลืองที่บวมอาจเกิดจากมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดนมะเร็งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติของภูมิคุ้มกันบกพร่อง และนำไปสู่การติดเชื้อ เช่น โมโนนิวคลีโอซิสและอีสุกอีใส
วิธีการรักษาต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวม
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมเป็นอาการไม่ใช่โรค ดังนั้นการรักษาจะรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหาร
หากเป็นสาเหตุติดเชื้อ การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของการติดเชื้อ การรักษาได้แก่
- ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่สำหรับการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- ครีมต้านเชื้อราที่วางจำหน่ายทั่วไป
- การรักษาการติดเชื้อยีสต์ เช่น ครีมหรือยาเหน็บ
- ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน
- ยาต้านไวรัสเช่น valacyclovir (Valtrex) และ acyclovir (Zovirax) สำหรับโรคเริมที่อวัยวะเพศ
- ยาต้านไวรัส HIV
หากมะเร็งเป็นสาเหตุของต่อมน้ำเหลืองบวม การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะ อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย การรักษาได้แก่
- เคมีบำบัด
- รังสีบำบัด
- ภูมิคุ้มกันบำบัด
- การบำบัดแบบกำหนดเป้าหมาย
- การปลูกถ่ายเซลล์
- ศัลยกรรม
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.umcvc.org/health-library/aa65796spec
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/swollen-lymph-nodes/symptoms-causes/syc-20353902
- https://www.webmd.com/cancer/when-swollen-lymph-nodes-mean-cancer
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team