คุณสามารถทำอะไรกับดวงตาบวมได้บ้าง
มีหลายวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาดวงตาบวมหรือการลดปัญหาตาบวมของคุณ การดื่มน้ำมากขึ้นก็เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย หรืออาจใช้วิธีการทำศัลยกรรมความงาม ต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับและกลเม็ดในการช่วยกำจัดตาที่บวมนอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างสนิทเป็นประจำจะช่วยลดอาการตาบวม (Swollen eyes) ผู้ใหญ่ต้องการนอนหลับคืนละประมาณ 7 ถึง 9 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณนอนหลับเพียงพอสร้างและควรทำให้เป็นกิจวัตร และควรงดกิจกรรมหนักๆ ก่อนที่คุณจะนอนหลับ เพื่อการพักผ่อนที่ดีในยามค่ำคืน- งดดื่มคาเฟอีนอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ใกล้เวลานอน
- รับประทานอาหารเย็นเสร็จประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนนอน
- เสร็จสิ้นการออกกำลังกายหลายชั่วโมงก่อนนอน
- ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ถึง 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
ปรับการนอน
นอนหนุนหมอนใต้หัวเพื่อหลีกเลี่ยงของเหลวที่เกาะอยู่รอบดวงตา หากคุณนอนไม่หลับอาจใช้หมอนเป็นมุมหมอนทรงสามเหลิ่ยมแทนก็ได้ หรือใช้หมอนเรียงกันลองตัวเพื่อยกให้หัวสูงขึ้นอาจใช้วิธียกหัวเตียงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลแบบเดียวกัน อาจใช้วิธีวางหนังสือใว้ใต้หัว หรือรองใว้ใต้ขา แล้วนำผ้านุ่มๆมารองทับเพื่อให้มีความสบาย หรือการปรับเตียงนอนก็ได้จัดการกับอาการแพ้
ปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการใด ๆ ที่มีผลต่อดวงตา อาการแพ้อาจทำให้ดวงตาของคุณแดงบวม นี่เป็นสาเหตุที่อาจทำให้คุณขยี้ตามากขึ้นส่งผลให้มีอาการตาบวม (Swollen eyes) แพทย์ของคุณสามารถช่วยสร้างแผนการรักษาเพื่อบรรเทาอาการของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงยาหยอดตาและยาตามใบสั่งแพทย์ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อาการตาบวมอาจเป็นผลมาจากการขาดน้ำ ให้แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำปริมาณมากทุกวันเพื่อให้ผิวของคุณแข็งแรงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
พยายามงด หรือหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ทำให้คุณขาดน้ำ การขาดน้ำสามารถทำให้ตาบวม หากคุณเบื่อกับน้ำเปล่าการใช้น้ำผลไม้สดเป็นวิธีที่ดีในการคงความชุ่มชื้นและสดชื่น หรืออาจลองเพิ่มผลไม้ที่คุณเลือกลงในขวดน้ำเพื่อทำให้คุณดื่มน้ำได้ตลอดทั้งวันลดความเค็ม
การรับประทานเกลือมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายคุณกักเก็บน้ำได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่นความเสี่ยงที่มากขึ้นของปัญหาหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ในปัจจุบันพบว่าค่าเฉลี่ยของการรับโซเดียมในร่างกายของคนทั่วไปคือ 2,300 มิลลิกรัม อย่างไรก็ตาม ควรจำกัด โซเดียมไว้ที่ระดับ 1,500 มก. ต่อวันเท่านั้น มากกว่าร้อยละ 70 ของโซเดียมที่พบในอาหาร อาหารแปรรูปหรือจากร้านอาหาร หากต้องการลดปริมาณเกลือคุณควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่หมัก ชีส ขนมปังและอาหารแปรรูปอื่น ๆ อาหารสำเร็จรูปเช่นซุปสำเร็จรูปมักมีโซเดียมสูง การอ่านฉลากสามารถช่วยคุณระบุปริมาณเกลือที่มากเกินไปได้ ให้กินอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าเช่นผักและผลไม้สดแทนทานเพิ่มโพแทสเซียมมากขึ้น
โพแทสเซียมสามารถช่วยลดของเหลวส่วนเกินในร่างกายของคุณได้ดังนั้นคุณอาจต้องการเพิ่มปริมาโพแทสเซียม คุณสามารถทำได้โดยการทานกล้วย ถั่ว โยเกิร์ต และผักใบเขียวในอาหารของคุณ หากคุณกำลังรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียมอยู่แล้วให้ปรึกษาแพทย์ว่าระดับโพแทสเซียมของคุณดีหรือไม่หรือถ้าคุณสามารถเพิ่มอาหารเสริมโพแทสเซียมให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณได้อย่างปลอดภัยด้วยใช้การประคบเย็น
คุณสามารถลดอาการตาบวมด้วยการใช้ผ้าเย็นวางบนเปลือกตาประมาณ 10 นาที สิ่งนี้สามารถช่วยระบายของเหลวส่วนเกินออกจากใต้ดวงตาของคุณได้ การใช้ถุงชาเขียวหรือชาสีดำประคบรอบดวงตาก็เป็นเคล็ดลับในการช่วยลดอาการตาบวม (Swollen eyes) เพราะในชามีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนที่สามารถลดการอักเสบและหลอดเลือดหดตัวได้ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา
มีครีมบำรุงรอบดวงตาจำนวนมากในตลาดที่อาจบรรเทาอาการบวม ส่วนผสมบางอย่างที่ควรมองหาในครีมบำรุงรอบดวงตา ได้แก่ ดอกคาโมไมล์ แตงกวาและอาร์นิกา ทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติที่อาจช่วยลดการอักเสบและกระชับผิวปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงาม
หากอาการตาบวมของคุณมีอาการรุนแรงและหากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผลคุณอาจต้องลองศัลยกรรมเสริมความงาม การผ่าตัดขั้นตาซึ่งเป็นการผ่าตัดเปลือกตา ในระหว่างขั้นตอนนี้หมอจะเคลื่อนย้ายหรือกำจัดไขมันกล้ามเนื้อและผิวหนังส่วนเกินในเปลือกตาของคุณออก ในกรณีที่ตาบวมมากเกินไป แพทย์อาจมีคำแนะนำสำหรับการรักษาด้วยเลเซอร์, เคมีหรือยาตามใบสั่งแพทย์เพื่อการรักษาอาการตาบวมเกิดจาก
หนึ่งในสาเหตุหลักของอาการดวงตาบวมคืออายุ ผิวหนังใต้ดวงตาของคุณนั้นบางมากซึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปเนื้อเยื่อในเปลือกตาของคุณอาจอ่อนตัวลง มันอาจทำให้ไขมันในเปลือกตาบนตกลงมาพักในเปลือกตาล่าง ของเหลวที่เก็บกักอยู่อาจมีโอกาสติดกับเปลือกตาล่างเมื่ออายุมากขึ้น การเก็บกักของเหลวนี้ทำให้เกิดการบวมของผิวบางๆรอบเปลือกตาของคุณ คุณอาจสังเกตเห็นดวงตาของคุณบวมเมือตื่นขึ้นในตอนเช้า และนี่ก็อาจเป็นผลมาจากอาการบวมน้ำ แต่เมื่อคุณตื่นขึ้นมาและเริ่มกระพริบตา คุณอาจสังเกตเห็นว่าดวงตาของคุณเริ่มบวมน้อยลง นอกจากการแก่ชราแล้วยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่คุณอาจมีอาการตาบวมเช่น:- พันธุกรรม
- การกักเก็บของเหลว
- โรคภูมิแพ้
- ความร้อน
- นอนหลับไม่เพียงพอ
- กินอาหารที่ไม่มีประโยนช์
- การร้องไห้
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่
โดยทั่วไปแล้วอาการบวมของดวงตาไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคร้ายแรง อย่างไรก็ตามคุณควรติดต่อแพทย์ของคุณหากคุณมีอาการดังนี้- ดวงตาบวมติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ปวดระคายเคืองหรือบวมอย่างรุนแรงรอบดวงตาของคุณ
- มีอาการอื่นๆในร่างกายของคุณร่วมด้วย
- ตาแดง
- เปลือกตาอักเสบ
- หนังตาตก
- โรคผิวหนังบริเวณดวงตา
สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อตาบวม
สิ่งที่ควรทำ:
- ระบุสาเหตุ : พยายามหาสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการบวม หากเกิดจากการแพ้หรือระคายเคือง ให้หลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้
- ประคบเย็น : ใช้ผ้าเย็นชุบน้ำสะอาดหรือผ้าปิดตาเจลเย็นเพื่อลดอาการบวม การประคบเย็นสามารถช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดการอักเสบได้
- ถอดคอนแทคเลนส์ : หากคุณใส่คอนแทคเลนส์แล้วตาบวม ให้ถอดคอนแทคเลนส์ออกจนกว่าอาการบวมจะทุเลาลง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : ดื่มน้ำมากๆ เนื่องจากการขาดน้ำอาจทำให้ดวงตาบวมแย่ลง
- นอนหลับให้เพียงพอ : ให้แน่ใจว่าคุณนอนหลับเพียงพอ เพราะการอดนอนอาจทำให้ตาบวมได้
- ยกศีรษะขึ้น : ขณะนอนหลับหรือพักผ่อน ให้หนุนศีรษะด้วยหมอนเสริมเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวไหลมารวมกันรอบดวงตา
- ใช้ยาหยอดตาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ : หากอาการบวมเกิดจากการแพ้หรือระคายเคืองตา ยาหยอดตาที่จำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์อาจช่วยบรรเทาอาการได้
- รักษาความสะอาดของบริเวณนั้น : หากคุณสงสัยว่าอาการบวมนั้นเกิดจากการติดเชื้อที่ดวงตา ให้ทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาอย่างเบามือด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำ
สิ่งที่ควร:
- ขยี้ตา : หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพราะจะทำให้อาการบวมรุนแรงขึ้น และอาจนำไปสู่การระคายเคืองหรือการติดเชื้อมากขึ้น
- ใช้การประคบร้อน : การใช้ความร้อนจะทำให้อาการบวมแย่ลงในกรณีส่วนใหญ่ ดังนั้นให้ประคบเย็นแทน
- แต่งตา : หลีกเลี่ยงการแต่งตาในขณะที่ตาบวม เพราะอาจทำให้การระคายเคืองแย่ลง
- เพิกเฉยต่ออาการบวมอย่างต่อเนื่อง : หากอาการบวมไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการประเมินและการรักษาที่เหมาะสม
- ใช้ยาหยอดตาหรือยาที่หมดอายุ : ตรวจสอบวันหมดอายุของยาหยอดตาหรือยาที่คุณใช้กับดวงตาเสมอ
- บริโภคเกลือหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป : การบริโภคเกลือและแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงอาจส่งผลต่อการคั่งของน้ำ ซึ่งอาจทำให้ดวงตาบวมแย่ลง
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.webmd.com/eye-health/eyelid-inflammation-blepharitis
- https://health.clevelandclinic.org/puffy-eyes-what-causes-them-and-what-to-do-about-it/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น