Spondylosis มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคำว่า Vertebrae ที่หมายถึง กระดูกสันหลัง โรคกระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis) คือ อาการของโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกสันหลัง ทั้งอาการกระดูกงอก และการเสื่อมของหมอนรองกระดูกที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลังเสื่อมมักสัมพันธ์กับโรคข้อเข่าเสื่อม เพราะกระดูกสันหลังกับเอว ความเสื่อมสภาพของกระดูกสันหลังจึงเกิดอาการอื่น ๆ ที่ส่วนต่าง ๆ ของกระดูกสันหลังอย่างข้อต่อกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลัง (โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม) เกิดบริเวณหลังส่วนล่าง
กระดูกสันหลังเสื่อมเกิดอาการที่กระดูกสันหลังส่วนคอ (ลำคอ) กระดูกสันหลังทรวงอก (ส่วนบนและกลางหลัง) หรือกระดูกสันหลังส่วนเอว (หลังส่วนล่าง) โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทและกระดูกคอพบได้บ่อยที่สุด
-
กระดูกสันหลังส่วนอกมักไม่แสดงอาการ
-
กรณีกระดูกสันหลังส่วนล่าง Lumbosacral จะได้รับผลกระทบที่กระดูกสันหลังส่วนเอว และกระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ (ใต้กระดูกสันหลังส่วนเอวตรงกึ่งกลางระหว่างสะโพก)
กระดูกสันหลังเสื่อมมีอาการหลายระดับ เพราะอาการของโรคนี้จะส่งผลต่อกระดูกหลายชิ้นในบริเวณสันหลัง
สาเหตุของโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
โรคกระดูกสันหลังเสื่อมมีความสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น เพราะกระดูก และเอ็นในกระดูกสันหลังจะสึกหรอทำให้เกิดภาวะกระดูกงอก (อาการข้อเสื่อม) นอกจากนี้หมอนรองกระดูกสันหลังที่เสื่อม และอ่อนตัวยังนำไปสู่อาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท และหมอนรองกระดูกโป่งได้ โดยมีรายงานเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังเสื่อมว่าสามารถพบในผู้ป่วยที่มีช่วงอายุ 20 – 50 ปี ประมาณ 80% ของผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปพบอาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมจากการตรวจสอบด้วยการ X-ray และโอกาสการเกิดโรคกระดูกสันหลังเสื่อมยังสัมพันธ์กับความบกพร่องทางพันธุกรรมและประวัติการบาดเจ็บ
พันธุกรรมเป็นอีกปัจจัยของโรคกระดูกสันหลังเสื่อม โดยมากในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อมก็มีแนวโน้มที่จะพบโรคกระดูกสันหลังเสื่อมที่มากขึ้น
การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกสันหลังเสื่อม อาการบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูกสันหลัง และโรคข้อเข่าเสื่อมมีแนวโน้มที่จะลุกลามไปที่ข้อบริเวณกระดูกสันหลัง แต่อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเกิดอาการ
อาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
ผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมที่ตรวจพบด้วยการ X-ray มักไม่แสดงอาการใด ๆ กรณีเกิดอาการบริเวณกระดูกส่วนบั้นเอว (กระดูกสันหลังบริเวณหลังส่วนล่าง) ผู้ป่วย 27% – 37% จะไม่มีอาการ แต่ผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมบางคนจะรู้สึกปวดหลังและปวดคอเนื่องจากการกดทับเส้นประสาท (เส้นประสาทถูกกดทับ) ได้ เส้นประสาทที่ถูกกดทับยังทำให้เกิดอาการปวดคอ ไหล่ และศีรษะได้
การกดทับเส้นประสาทเกิดระดับ bulging discs และการงอกของ facet joints ส่งผลให้รูรากประสาทที่ออกจากกระดูกสันหลังตีบแคบลง (foraminal stenosis) แม้ว่าความผิดปกติจะยังไม่มากแต่ก็จะส่งผลต่อเส้นประสาทโดยตรง และทำให้อักเสบในบริเวณที่ผิดปกติ ทำให้เส้นประสาทบริเวณกระดูกสันหลังมีความไวมากขึ้น และเจ็บปวดมากขึ้น นอกจากนี้หากเกิดเส้นประสาทใหม่หรือหลอดเลือดบริเวณที่ถูกกดทับก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้ อาจต้องอาศัยการเข้าเฝือก เพื่อลดอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อ และ trigger points ได้
กรณีกระดูกทับเส้นประสาทจากอาการกระดูกสันหลังเสื่อม ความเจ็บปวดอาจเกิดบริเวณแขนขาได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นหากหมอนรองกระดูกขนาดใหญ่บริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอวอาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท และทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่างแล้วลุกลามไปที่ขา เรียกอาการ Radiculopathy
เมื่อเส้นประสาท Sciatic ที่ผ่านจากบริเวณหลังส่วนล่างลงไปตามขาจนถึงเท้าก็จะได้รับผลกระทบจากอาการ Radiculopathy ด้วย ทำให้อาการชา และเสียวซ่า (คล้ายถูกเข็มทิ่ม) ที่ปลายแขน อาการปวดหลังจาก bulging disc มักแย่ลงเมื่อยืน นั่ง และก้มตัวไปข้างหน้าเป็นเวลานาน ๆ แต่จะดีขึ้นหากเปลี่ยนท่าทางร่างกายบ่อย ๆ และออกเดิน อาการปวดหลังเนื่องจากข้อเสื่อมบริเวณ facet joints จะแย่ลงหากเดิน หรือยืน สามารถแก้อาการได้ด้วยการงอตัวไปข้างหน้า อาจมีอาการชา และเสียวซ่าร่วมหากเส้นประสาทถูกกดทับ
หากเส้นประสาทถูกบีบอย่างรุนแรงอาจทำให้แขนขาที่ได้รับผลกระทบเกิดอ่อนแรงได้ กรณีหมอนรองกระดูกกดทับไขสันหลังอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง (myelopathy) ได้
โรคกระดูกสันหลังเสื่อมที่มีอาการรวมกับ Myelopathy ถือเป็นโรคที่ร้ายแรงที่ส่งผลต่อไขสันหลัง ทำให้อวัยวะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทที่ถูกกดทับเกิดอาการชา รู้สึกเสียวซ่า และอ่อนแรงได้
การวินิจฉัยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมทำได้โดยใช้การทดสอบทางรังสีวิทยา เช่น การ X-ray การทำ MRI หรือ CT scan รังสีจะแสดงอาการผิดปกติของกระดูกบริเวณสันหลังได้ ทั้งความหนาของ facet joints (ข้อต่อที่เชื่อมกระดูกสันหลังเข้าด้วยกัน) และช่องว่างบริเวณไขสันหลังส่วนเอวที่แคบลงได้ การทำ CT scan ที่กระดูกสันหลังจะช่วยให้เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของกระดูกส่วนนี้ได้ อย่างลักษณะที่แคบลงของช่องกระดูกสันหลัง (โรคช่องไขสันหลังตีบแคบ) การสแกน MRI มีราคาแพง แต่จะแสดงรายละเอียดได้ดีที่สุด สามารถแสดงภาพของหมอนรองกระดูกสันหลังได้อย่างละเอียด จึงวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น
การรักษาโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
วิธีรักษาโรคกระดูกเสื่อมไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังเสื่อมหรือกระดูกบริเวณอื่น ๆ นั้นคล้ายกับการรักษาอาการปวดหลังและปวดคอทั่วไป สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่ การใช้ยารักษา การออกกำลังกายการทำกายภาพบำบัด การทำบำบัดเฉพาะทาง ( Chiropractics และการฝังเข็ม ) ขั้นตอนที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุดคือการรักษาด้วยยา และการผ่าตัด
การรักษาด้วยยา
ยังไม่มียาใดได้สามารถทำให้อาการกระดูกเสื่อมหายขาดได้ โดยทั่วไปจึงเป็นการรักษาอาการปวดที่มีผลสืบเนื่องมาจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อมได้แก่ยาต้านการอักเสบ ยาแก้ปวด (ยาบรรเทาอาการปวด) และยาคลายกล้ามเนื้อ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ NSAIDs มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหลังและคอที่มาจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ซึ่งยาต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ยาแก้อาการซึมเศร้าบางชนิดก็สามารถนำมารักษาอาการปวดหลังเรื้อรังได้ เพราะส่งผลต่อเส้นประสาทโดยตรง แต่จะต้องอยู่ในปริมาณและระยะเวลาการรับยาที่กฎหมายควบคุม
ยาทาบรรเทาอาการปวดที่ใช้นวดบริเวณที่ปวดก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อมได้ ยาประเทภนี้หลายชนิดสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ กรณียามีสารแคปไซซินที่มาจากพริกไม่ควรใช้กับบริเวณที่มีบาดแผลหรือไวต่อความระคายเคือง หลังใช้ยาควรล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสส่วนอื่น ๆ เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองจากยา
การใช้ยาสเตียรอยด์ (คอร์ติโซน) ฉีดเข้าไปในช่องไขสันหลัง (ช่องว่างที่อยู่รอบไขสันหลัง) คือการฉีดยาบรรเทาปวด หรือฉีดสเตียรอยด์เข้าไปใน facet joints ที่เชื่อมต่อกระดูกสันหลัง จะช่วยกระตุ้นเนื้อเยื่ออ่อนหรือช่องของหมอนรองกระดูกจะช่วยบรรเทาอาการปวดแบบเฉียบพลันได้ดี โดยเฉพาะอาการปวดลามไปยังแขนขา กรณีการปวดที่คอ และหลังอาจบรรเทาด้วยการฉีดยาเข้ากระแสเลือดหรือบริเวณกระดูกที่เกิดอาการได้
การรักษาด้วยการปรับกิจวัตรประจำวัน
การรักษาด้วยการปรับกิจวัตรประจำวันนั้นมีความจำเป็นมาก เพราะจะช่วยให้อาการปวดดีขึ้นหรือหายได้หากทำติดต่อกันหลายวัน แพทย์พบว่าการนอนหลับพักผ่อนช่วยให้ร่างกายได้พักฟื้น ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่ห้ามทำกิจกรรมที่เสี่ยงอย่างการยกของหนัก
ผู้ป่วยอาจทำการประคบด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำแข็งเพื่อบรรเทาอาการปวดที่หลังและคอจากโรคกระดูกสันหลังเสื่อมได้ รวมทั้งการใช้หมอนหนุนขาระหว่างนอนก็จะช่วยแก้ปวดบริเวณหลัง มีหมอนพิเศษที่ออกแบบเพื่อรองรับกระดูกสันหลังส่วนคอก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดคอได้
การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดและการแพทย์ทางเลือก
แพทย์อาจให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดในกรณีที่มีอาการปวดแบบเรื้อรัง การทำกายภาพบำบัดใช้แก้ไขอาการปวดบริเวณหลังหรือคอ ด้วยการเสริมสร้างและเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ นักกายภาพบำบัดจะกำหนดท่าทางที่เฉพาะเจาะจงสำหรับบริเวณที่ปวด ซึ่งการทำเป็นประจำทุกวันจะช่วยบรรเทาอาการปวด การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างการเดิน และโยคะได้รับการศึกษาแล้วว่าส่งผลดีต่ออาการปวดหลังเรื้อรัง
การทำ Chiropractic จะส่งผลดีกับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น โดยเฉพาะในรายที่พบอาการได้ไม่นาน ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถรักษษด้วยวิธีการนี้ได้เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบหรือรูมาตอยด์ไม่ควรได้รับการรักษา เพราะเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อไขสันหลังได้
การฝังเข็มใช้รักษาอาการปวดหลังด้วยการสอดเข็มบาง ๆ ที่ระดับความลึกต่าง ๆ กันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การฝังเข็มถูกออกแบบมาเพื่อปรับสมดุลของลมปราณ (หรือชี่) ซึ่งไหลเวียนทั่วร่างกาย เป็นการรักษาทางเลือกที่ทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ อย่างการรักษาด้วยวิถีชีวจิตจะช่วยบรรเทาอาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมได้
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดบางครั้งก็มีผลข้างเคียงกับอาการปวดหลังได้ แต่ในกรณีที่กระดูก หรือกระดูกสันหลังตีบจนส่งผลต่อเส้นประสาทอย่างรุนแรงจนผู้ป่วยไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้สะดวก ก็จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ในกรณีผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเฉียบพลันไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ยกเว้นแต่กรณีที่มีแนวโน้มว่าปัญหาทางระบบประสาทจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการดีขึ้นหลังการรักษาด้วยยา และทำกายภาพบำบัด วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดจึงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ทั้งนี้โรคกระดูกเสื่อมและกระดูกสันหลังเสื่อมอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน จำเป็นต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cervical-spondylosis/symptoms-causes/syc-20370787
-
https://www.webmd.com/osteoarthritis/cervical-osteoarthritis-cervical-spondylosis
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team