งูสวัด
งูสวัดหรือ (Shingles) คือการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสชื่อว่า varicella-zoster เป็นไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส คุณจะเป็นอีสุกอีใสก่อน และเชื้อยังจะสามารถอยู่ในระบบประสาทได้หลายปีก่อนที่จะกลับมาเป็นงูสวัดอีกครั้ง เมื่อมีเชื้ออยู่ในร่างกายแล้ว โรคจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดลง ป่วย หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และเครียด
สาเหตุของงูสวัด
งูสวัดเกิดจากอะไร การติดเชื้อไวรัส varicella-zoster งูสวัดบางคนเรียกว่าโรคเริมงูสวัด เพราะเป็นไวรัสในกลุ่มเริม ชนิดเดียวกับเริมที่อวัยเพศ และริมฝีปาก
อาการของงูสวัด แบ่งเป็นระยะดังนี้
อาการระยะของโรคงูสวัดจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน มีผื่นแดง เกิดขึ้นตามร่างกายเป็นหย่อม ๆ อาการงูสวัดเริ่มต้นอาจจะคล้ายกับผื่นคันทั่วไปแต่ให้สังเกตุอาการอื่น ๆ ที่ตามมา ว่าที่ผู้ป่วยเป็นคือผื่นงูสวัดหรือไม่
หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่สอง ผื่นแดงคันนี้อาจจะมีตุ่มน้ำพองร่วมด้วย อาจจะเกิดขึ้นได้บริเวณลำตัว หรือใบหน้า และนอกจากผื่นแดงพวกนี้แล้วอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยในบางคน อาจจะไม่เกิดขึ้นกับทุกคน เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ร่างกายอ่อนล้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยตุ่มคันเหล่านี้จะหายเองได้ในเวลา สองอาทิตย์
ในระยะที่สามแผลจะแห้งตกสะเก็ด คือหายแล้วแต่ยังปวดในผิวบริเวณที่เป็นแผลอยู่ บางครั้งอาจจะปวดนานเป็นเดือนซึ่งอาการแตกต่างกันออกไป
โรคแทรกซ้อนของงูสวัดที่ร้ายแรงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีดังนี้ :
- สูญเสียการได้ยิน หรือปวดในหูอย่างรุนแรง เวียนหัว ไม่สามารถรับรสอาหารได้ ซึ่งอาจเป็นอาการของโรค Ramsay Hunt ต้องรักษาโดยด่วน
- การติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังหากผิวของผู้ป่วยแดงบวมและร้อนตลอดเวลา
- ปวดตา หรือมีผื่นขึ้นที่ตา ซึ่งควรได้รับการรักษาทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายของอย่างตาถาวร
งูสวัดขึ้นตา
งูสวัดที่เกิดที่ดวงตามีชื่อว่า Herpes zoster ophthalmicus สาเหตุเกิดจากการเชื้อครั้งแรกแล้วร่างกายไม่สามารถกำจัดไวรัสได้ทั้งหมด ตัวเชื้อจึงไปอยู่ตามประสาทคู่ที่ 5 นั่นคือเส้นประสาทบริเวณดวงตา งูสวัดที่ตาจะเกิดขึ้นประมาณ 10 – 25 % ของโรคงูสวัด ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในลูกตา อาจส่งผลให้ปวดตามเส้นประสาทรอบดวงตา หรือสูญเสียการมองเห็น อาการปวดตามเส้นประสาทรอบดวงตาได้
อาจจะเป็นผื่นหรือตุ่มพองที่เปลือกตา และจะทำให้ตาบวม แดง และมองอะไรไม่ชัดเจนมีภาพเบลอ หากได้รับการรักษาอาจจะทำให้ตาบอดได้
งูสวัดที่หลัง
โรคงูสวัด ผื่นมักจะเกิดขึ้นรอบ ๆ ด้านหนึ่งของรอบเอวของผู้ป่วย และมีแผลพุพองร่วมด้วย เคยมีความเชื่อว่าหากเป็นงูสวัดรอบเอวแล้วจะทำให้ตายได้ แต่มันไม่เป็นความจริง ซึ่งความจริงแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดทั้งสองด้านของร่างกายหรือเกิดขึ้นรอบเอว อาจจะเป็นผู้ป่วยที่ มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำมาก ร่างกายอ่อนแอ อาจจะมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น เมื่ออาการของงูสวัดกำเริบ ก็จะเกิดการลุกลามได้มากกว่าปกติ และอาจจะเสียชีวิตจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าการเป็นงูสวัดรอบเอวจะเสียชีวิตได้
งูสวัดบนใบหน้า
ส่วนใหญ่แล้วโรคงูสวัดมักเกิดขึ้นที่ด้านหลังหรือหน้าอก แต่ผู้ป่วยสามารถเป็นผื่นงูสวัดขึ้นที่ใบหน้าได้ แผลงูสวัดบนใบหน้าอาจจะไม่สวยงาม ควรทายารักษาแผลเป็น
หากผื่นอยู่ใกล้ใบหู บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน ปัญหาเกี่ยวกับความสมดุลของกล้ามเนื้อใบหน้าของผู้ป่วย
หากเป็นงูสวัดในปาก ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดมาก ทำให้ยากต่อการรับประทานอาหาร
วัคซีนป้องกันงูสวัดมีหรือไม่
ปัจจุบันในในประเทศไทยมีวัคซีนป้องการโรคงูสวัดเพียงชนิดเดียว ได้แก่วัคซีนที่เตรียมจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ที่ถูกทำให้เชื้อเจอจางลง การฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัดสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยละ 69.8% งูสวัดในเด็กจะเกิดขึ้นน้อยมาก ยกเว้นแต่เป็นอีสุกอีใสเท่านั้น
วิธีรักษางูสวัด
ยังไม่มีการรักษาโรคงูสวัดได้โดยตรง แต่การเข้ารับการดูแลอย่างด่วนจะป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากงูสวัดเกิดขึ้นคุณควรเข้ารับการรักษาภายใน 72 ชั่วโมง แพทย์อาจสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการและลดระยะเวลาการติดเชื้อ
ตัวยาที่แพทย์จะสั่งจ่ายยารักษางูสวัดเพื่อรักษาตามอาการมีดังนี้
- ยาแก้อักเสบจำพวก ibuprofen ลดอาการอักเสบปวดบวม
- ยาแก้ปวด anticonvulsants หรือ tricyclic antidepressants
- ยารักษาอาการคัน เช่น diphenhydramine (Benadryl)
- capsaicin (Zostrix) ลดอาการปวดเส้นประสาทที่จะเกิดขึ้นหลังจากงูสวัดหาย
งูสวัดเป็นโรคติดต่อหรือไม่
โรคงูสวัดติดต่อทางไหน ติดต่ออย่างไร งูสวัดไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่ไวรัส varicella-zoster สามารถแพร่กระจายไปยังบุคคลอื่นที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสได้ แต่จะไม่สามารถติดงูสวัดจากคนที่เป็นงูสวัด ยกเว้นแต่จะเป็นอีสุกอีใสแล้วรับเชื้อมาเก็บไว้ในร่างกายและกายเป็นงูสวัดได้ภายหลัง
เพื่อป้องกันการลุกลามและแพร่กระจายของไวรัส หากคุณมีโรคงูสวัด คุณควรรักษาความสะอาดบริเวณผื่นคันอย่าสัมผัสบริเวณนั้นและล้างมือบ่อยๆ ไม่ควรออกไปนอกบ้าน หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าและเครื่องนอน และไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันกับผู้อื่น
การรักษางูสวัดเองที่บ้าน
วิธีรักษางูสวัดเบื้องต้น การบรรเทารักษาอาการที่บ้านสามารถช่วยบรรเทาอาการงูสวัดได้ อาจจะทำได้ดังนี้ :
- อาบน้ำเย็นทำความสะอาดผิว
- ใช้การประคบเย็นลงบนผื่น เพื่อลดอาการปวดและอาการคัน
- ทาคาลาไมน์ เพื่อลดอาการคัน
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A, B-12, C และ E รวมถึงกรดอะมิโนไลซีนเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
การวินิจฉัยงูสวัด (Shingles)
ส่วนใหญ่งูสวัดสามารถวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจร่างกายของผื่นและแผล แพทย์จะสอบถามอาการและประวัติทางการแพทย์ หรือบางครั้งอาจจะมีการเก็บตัวอย่างจากของเหลวบริเวณแผลไปทำการตรวจสอบ
ใครที่มีความเสี่ยงเป็นโรคงูสวัด
งูสวัดสามารถเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส อย่างไรก็ตามปัจจัยบางประการทำให้โรคงูสวัดสามารถกำเริบได้ ดังนี้:
- ผู้สูงอายุ
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นโรคเอดส์
- ผู้ป่วยมะเร็ง หรือกำลังรับการทำคีโมหรือฉายแสง
- ใช้ยาบางตัวที่ทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำลง
การป้องกันงูสวัด
วัคซีนสามารถป้องกันไม่ให้คุณเกิดอาการงูสวัดรุนแรงหรือโรคแทรกซ้อนจากงูสวัดได้ เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสสองครั้งหรือที่เรียกกันว่าวัคซีนป้องกันโรค varicella ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีโรคอีสุกอีใสควรได้รับวัคซีนนี้ด้วย
ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปควรได้รับวัคซีนงูสวัด varicella-zoster วัคซีนนี้ช่วยป้องกันอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคงูสวัด (Shingles)
ลิงค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา