ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
ไวรัส RSV
เชื้อไวรัส rsv (Respiratory syncytial virus or RSV)  คือ ไวรัสทั่วไปที่สามารถทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ในคนทุกเพศ ทุกวัย การติดเชื้อพบได้บ่อยในเด็กและทารก สำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงหลายคนการติดเชื้อ RSV จะทำให้เกิดอาการคล้ายกับหวัด อย่างไรก็หากพบในทารกถือว่าเป็นความรุนแรง การติดเชื้อส่วนมากจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง  แต่ภาวะแทรกซ้อนทางปอดที่ตามมาจะเป็นอันตราย RSV เป็นหนึ่งในไวรัสที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด และระบบทางเดินหายใจในเด็ก  Respiratory Syncytial Virus

อาการของการติดเชื้อ RSV

อาการ และประเภทของการติดเชื้อ RSV จะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ โดยอาการมักจะปรากฏภายใน 4-6 วันหลังการติดเชื้อ ผู้สูงอายุจะแสดงอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ แต่ในทางกลับกันอาการจะรุนแรงหากพบการติดเชื้อในวัยทารก การติดเชื้อ RSV สำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีอาการดังนี้ อาจจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยดังนี้
  • หายใจไม่ออก
  • หายใจลำบาก
  • ตัวเขียว
  • กรณีเป็นทารกจะมีอาการไม่สบาย หรือหายใจลำบาก
โดยปกติมักจะพบอาการในการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดบวม หากพบว่าบุตรหลานมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์

วิธีการรักษาการติดเชื้อ RSV 

RSV นั้นเป็นไวรัสจึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ  อาการติดเชื้อที่พบในเด็กโตจะคล้ายกับหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ โดยอาจไม่จำเป็นต้องงได้รับการรักษา สามารถบรรเทาและหายได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ สามารถช่วยให้เด็กฟื้นตัวได้ และการนำน้ำมูกออกจากจมูกช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก ในเด็กเล็กโดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ RSV จะแสดงอาการที่รุนแรงขึ้น การติดเชื้อ RSV นั้นทำให้หลอดลมฝอยในปอดมีอาการอักเสบ สามารถนำไปสู่โรคปอดบวม  หากเด็กได้รับการติดเชื้อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยการรักษาด้วยของเหลวทางหลอดเลือดดำ ให้ออกซิเจนเพิ่ม และเพิ่มความชื้นในอากาศ และหากรุนแรงมาก จำเป็นจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

อาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ RSV

สำหรับเด็กๆ แล้วมีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อ อีกทั้งยังทำให้เกิดการติดเชื้อยังในหู และโรคซางซึ่งเป็นการอักเสบและบวมของเส้นเสียง ซึ่งจะทำให้มีอาการไอเสียงดัง เด็กที่เป็นโรคหลอดลมฝอยอักเสบจาก RSV อาจมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหอบหืด แม้ว่าสาเหตุยังไม่แน่ชัด แต่พบว่าเด็กที่ติดเชื้อ RSV ส่วนมากจะเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก และการติดเชื้อจะภายใน 1-2 สัปดาห์ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ RSV มีดังนี้
  • หลอดลมฝอยอักเสบ:หลอดลมฝอยอักเสบเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดของการติดเชื้อ RSV โดยเฉพาะในทารก เกี่ยวข้องกับการอักเสบและการอุดตันของทางเดินหายใจขนาดเล็ก (หลอดลม) ในปอด ทำให้อากาศไหลเวียนได้ยาก ซึ่งอาจทำให้หายใจมีเสียงหวีด ไอ และหายใจลำบากได้
  • โรคปอดบวม:การติดเชื้อ RSV สามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดบวม ซึ่งเป็นการติดเชื้อของปอดที่ทำให้เกิดการอักเสบและการสะสมของของเหลวในถุงลม โรคปอดบวมอาจทำให้อาการทางเดินหายใจรุนแรงขึ้นและอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
  • โรคซาง: RSV ยังสามารถทำให้เกิดโรคซาง ซึ่งเป็นภาวะที่มีอาการบวมและอักเสบของทางเดินหายใจส่วนบน โดยเฉพาะกล่องเสียงและหลอดลม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การไอที่รุนแรง  และหายใจลำบาก
  • การติดเชื้อที่หู:การติดเชื้อ RSV สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหูน้ำหนวก ซึ่งอาจเจ็บปวดและอาจต้องได้รับการรักษาพยาบาล
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนดซึ่งติดเชื้อ RSV มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะมีอาการหยุดหายใจ โดยทารกจะหยุดหายใจชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ
  • การกำเริบของโรคหอบหืด:การติดเชื้อ RSV สามารถกระตุ้นอาการหอบหืดในเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหอบหืดอยู่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การกำเริบของโรคหอบหืด
  • ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว:ในกรณีที่รุนแรง การติดเชื้อ RSV อาจนำไปสู่การหายใจล้มเหลว โดยปอดไม่สามารถให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพียงพอ สิ่งนี้พบได้บ่อยในเด็กทารกหรือบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • การติดเชื้อทุติยภูมิ:การติดเชื้อ RSV สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำให้บุคคลนั้นไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรียทุติยภูมิ เช่น ปอดบวมจากแบคทีเรียหรือไซนัสอักเสบ
  • ภาวะขาดน้ำ:ทารกที่ติดเชื้อ RSV อาจประสบปัญหาในการให้อาหารเนื่องจากอาการทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดน้ำหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการติดเชื้อ RSV ไม่ได้นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน และหลายกรณีไม่รุนแรงและหายได้เอง อย่างไรก็ตาม ทารก เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หากคุณสงสัยว่าติดเชื้อ RSV โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ เนื่องจากการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยป้องกันหรือจัดการกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

ข้อแนะนำในการป้องกัน RSV

การติดเชื้อ RSV ยังไม่มีวิธีการรักษา แต่มีวิธีลดความเสี่ยงในการรับ และแพร่เชื้อไวรัส RSV ไปยังคนอื่นๆ ด้วยการแพร่กระจายผ่านละอองทางอากาศ วิธีการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อมีดังนี้
  • ล้างมือบ่อยๆ
  • ปิดปาก และจมูกเมื่อไอหรือจาม
  • หลีกเลี่ยงการใช้ช้อนส้อมและแก้วน้ำดื่มร่วมกัน
งดสูบบุหรี่ใกล้เด็กๆ ควันบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ RSV ได้ Palivizumab (Synagis) เป็นแอนติบอดีที่มีเป้าหมายเฉพาะในการกำจัดไวรัส RSV สามารถใช้ในทารกที่มีความเสี่ยงสูงในรายที่อายุต่ำกว่า 12 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การใช้ยาในช่วงฤดู RSV สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อขั้นรุนแรง แต่ไม่สามารถรักษาอาการหากเกิดขึ้นแล้วได้ นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/respiratory-syncytial-virus/symptoms-causes/syc-20353098
  • https://www.cdc.gov/rsv/index.html
  • https://medlineplus.gov/respiratorysyncytialvirusinfections.html
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด