เหงือกร่น (Receding Gums) : อาการ สาเหตุ การรักษา

เหงือกร่น (Receding Gums) คือ อาการที่เหงือกมีเนื้อเยื่อเหงือกร่นลงไปเผยให้เห็นพื้นผิวฟัน เป็นโรคเหงือกชนิดเดียวกับโรคปริทันต์ (Toothache) ซึ่งเป็นผลร้ายแรงของสุขภาพที่ไม่ดีของช่องปาก อาจนำไปสู่การสูญเสียฟัน ภาวะเหงือกร่นเกิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อเหงือกนั้นร่นลงไปอยู่ด้านล่างของฟัน จนทำให้มองเห็นรากฟัน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากนิสัยความเคยชินหลายประการ มีการรักษาที่หลากหลายขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการสูญเสียเนื้อเยื่อ หากได้รับการตรวจและการรักษาเหงือกร่นได้เร็วขึ้นจะทำให้รักษาได้ง่ายขึ้น

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

โรคปริทันต์เป็นรูปแบบของโรคเหงือกอักเสบ เหงือกร่นเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์ภายในเหงือกและฟัน เมื่อเวลาผ่านไปคราบจุลินทรีย์ที่ติดค้างอยู่จะทำลายเหงือกและหลุดออกจากฟัน ในกรณีที่รุนแรงจะก่อตัวขึ้นระหว่างฟันและเหงือก ซึ่งจะสร้างพื้นที่เพาะพันธุ์ทำให้มีแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เหงือกร่นอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการรวมถึง:
  • ไม่แปรงฟันเป็นเวลานาน
  • การสะสมคราบแข็ง (ทาร์ทาร์)
  • การสูบบุหรี่
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในสตรี
  • ประวัติคนในครอบครัวเกี่ยวกับโรคเหงือก
  • โรคเบาหวาน
  • เอชไอวี
ยาบางชนิดอาจทำให้ปากแห้งซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเหงือกร่น ปากแห้ง หมายถึง ปากของคุณมีน้ำลายน้อยกว่าที่ควร หากไม่มีน้ำลายเพียงพอเนื้อเยื่อในปากของคุณอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียและการบาดเจ็บ จากข้อมูลของ CDA พบว่าผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกจะพบมากที่สุดในวัยผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุนี้อาจมักเข้าใจผิดกันว่ามาจากสัญญาณของริ้วรอย นอกจากนี้ผู้ชายจะมีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกมากกว่าผู้หญิง

การวินิจฉัยโรค

ทันตแพทย์จะทำการตรวจรักษาเหงือกและโรคปริทันต์ การตรวจร่างกายสามารถระบุปัญหาต่าง ๆ ได้ ครื่องมือสำหรับแหย่ตรวจบาดแผลบริเวณเหงือก อาจใช้ในการวัดขนาดเหงือก การใช้เครื่องมือตรวจอาจใช้ไม้บรรทัดขนาดเล็กตรวจด้วยเช่นกัน ขนาดของรอยบวมหรือส่วนที่เป็นถุงร่นขนาดโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 3 มิลลิเมตร หากใหญ่กว่านั้นเป็นสัญญาณของโรคเหงือก

อาการเหงือกร่น

อาการที่เกิดจากการเหงือกร่น มีดังนี้  :
  • มีเลือดออกหลังจากการแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
  • เหงือกสีแดง และบวม
  • มีกลิ่นปาก
  • ปวดที่เหงือก
  • เหงือกหดตัวอย่างเห็นได้ชัด
  • รากฟันโผล่
  • ฟันโยก

วิธีการรักรักษาเหงือกร่น

ยา

ทันตแพทย์สามารถกำหนดวิธีรักษาเหงือกร่นที่ดีที่สุดเพื่อรักษาเนื้อเยื่อเหงือกและฟันของคุณ ขั้นแรกหากพบการติดเชื้อในเหงือกอาจมีการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ เช่น:
  • เจลยาปฏิชีวนะเฉพาะที่
  • น้ำยาฆ่าเชื้อ
  • น้ำยาบ้วนปากต้านจุลทรีย์
  • ยาระงับอาการ

การผ่าตัด

การผ่าตัดอาจจะใช้ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดของเหงือกร่นโดยทั่วไปมี 2 ตัวเลือก คือ การผ่าตัดแผ่นเหงือกและการซ่อมแซมเหงือก การผ่าตัดแบบเปิดบาดแผลเป็นการทำความสะอาดเนื้อเยื่อลึกที่ใช้ในการรักษา หากวิธีอื่นที่รักษามาแล้วไม่ได้ผล วิธีนี้จะกำจัดแบคทีเรียและการสะสมของคราบหินปูนในเหงือก การผ่าตัดนี้ทันตแพทย์จะทำการยกแผ่นเหงือกแล้วรักษาให้กลับมาเป็นแบบเดิมเมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลง ในบางครั้งอาจมีฟันงอกขึ้นมาหลังจากการผ่าตัด ในการผ่าตัดย้ายผิวหนัง เป้าหมายคือการฟื้นเนื้อเยื่อเหงือกหรือกระดูก ในระหว่างขั้นตอนของทันตแพทย์ แพทย์จะทำการสังเคราะห์อนุภาคชิ้นส่วนของกระดูกหรือเนื้อเยื่อเพื่อช่วยให้เหงือกงอกกลับมา สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าวิธีการผ่าตัดแบบนี้อาจก่อให้ปัญหาสุขภาพเหงือกได้อีกในระยะยาว หากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอ 

การป้องกันเหงือกร่น

เครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันเหงือกร่นคือการไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสภาพเหงือกและฟัน และตรวจร่างกายเป็นประจำ แม้ว่าคุณจะไม่เคยมีอาการใด ๆ ก็ตาม ทันตแพทย์สามารถระบุอาการของโรคเหงือกในระยะเริ่มแรกได้ คุณสามารถป้องกันปัญหาเกี่ยวกับเหงือกด้วยการฝึกนิสัยการดูแลสุขภาพช่องปากอยู่เสมอ ในขณะที่การใช้ไหมขัดฟันและการแปรงฟันเป็นประจำทุกวันจะช่วยกำจัดแบคทีเรียเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์คราบหินปูนที่เคลือบฟัน สามารถอาจกำจัดออกได้ด้วยการทำความสะอาดฟันเท่านั้น เนื่องจากสารที่เคลือบฟันอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเหงือกและเหงือกร่น นี่คือเหตุผลที่การทำความสะอาดฟันโดยทันตแพทย์ ปีละครั้ง มีความสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของสุขภาพเหงือกและฟันได้

ภาวะแทรกซ้อนของเหงือกร่น

กรณีขั้นสูงของเหงือกร่นจะต้องผ่าตัดเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม โดยภาพรวม แนวโน้มของโรคเหงือกในระยะแรกหากได้รับการแก้ไขทันเวลา จะสามารถรักษาได้ทัน แต่หากปล่อยไว้นาน อาจก่อให้มีปัญหาในช่องปากได้   หากพบว่ามีสิ่งผิดปกติภายในช่องปาก ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสัญญาณของเหงือกร่น ในระยะเบื้องต้นอาจเป็นแค่เหงือกอักเสบ แต่หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะของเหงือกร่น 

อาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพเหงือก

วิธีง่ายๆ วิธีหนึ่งในการดูแลสุขภาพเหงือกคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งให้สารอาหารมากมาย และสร้างฟันและเหงือกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี ต่อไปนี้คืออาหาร 7 ชนิดที่คุณสามารถรับประทานได้ซึ่งช่วยดูแลสุขภาพเหงือก

1. ผักและผลไม้สด

ผักและผลไม้สดที่กรุบกรอบและเต็มไปด้วยไฟเบอร์สามารถช่วยให้ฟันสะอาดและแข็งแรง และลดความเสี่ยงของการสะสมคราบพลัค การเคี้ยวผักกรุบกรอบสามารถช่วยให้ฟันของคุณสะอาดและส่งเสริมสุขภาพเหงือกได้

2. นม โยเกิร์ต ผลิตภัณฑ์จากนม

เห็นได้ชัดว่าอาหารที่มีแคลเซียมสูงนั้นดีต่อสุขภาพฟันของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้ยังช่วยในด้านอื่นๆ ของสุขภาพช่องปากด้วย โยเกิร์ตช่วยกระตุ้นแบคทีเรียที่แข็งแรงในร่างกาย ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อาจช่วยป้องกันฟันผุได้

3. น้ำ

การดื่มน้ำปริมาณมากตลอดวันช่วยให้ฟันสะอาดและแข็งแรง เนื่องจากช่วยชะล้างเศษอาหารเป็นประจำ การป้องกันการสะสมของคราบพลัคด้วยวิธีนี้เป็นวิธีสำคัญในการดูแลสุขภาพเหงือก

4. หมากฝรั่งชูการ์ฟรี

หมากฝรั่งชูการ์ฟรีเป็นวิธีที่ดีในการทำให้ลมหายใจสดชื่นและทำให้ฟันของคุณสะอาดระหว่างมื้ออาหาร รับรองว่าปราศจากน้ำตาลแน่นอน

5. ชา

ชาที่อุดมไปด้วยโพลีฟีนอลสามารถช่วยป้องกันแบคทีเรียที่กระตุ้นให้เกิดคราบพลัค ทำให้ฟันผุมีโอกาสเกิดน้อยลง และลดความเสี่ยงของการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปากที่อ่อนนุ่ม

6. ถั่ว

ถั่ว เช่น อัลมอนด์ มีน้ำตาลต่ำ มีไฟเบอร์สูง และมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพเหงือกและฟัน

7. เมล็ดธัญพืช

เมล็ดธัญพืชเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่สามารถส่งเสริมสุขภาพเหงือกและลดความเสี่ยงต่อโรคปริทันต์

นี่คือลิงค์แหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/oral-health/guide/receding_gums_causes-treatments#1
  • https://www.nhs.uk/conditions/gum-disease/
  • https://www.cda.org/Portals/0/pdfs/fact_sheets/receding_gums_english.pdf

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด