โรคถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian Cysts) คืออะไรและถุงน้ำในรังไข่เกิดจากอะไร รังไข่เป็นอวัยวะสืบพันธ์ของผู้หญิง รังไข่อยู่บริเวณอุ้งเชิงกรานของมดลูกทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่ผลิตไข่ ซึ่งเป็นเซลล์ในการสืบพันธ์ของเพศหญิงและจะทำหน้าที่ตกไข่ในแต่ละรอบเดือน พร้อมทั้งสร้างฮอโมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเพศหญิงอีกด้วย
การเกิดซีสต์ในรังไข่ของผู้หญิงจะไม่การแสดงอาการใดๆ เลย
ประเภทของถุงน้ำในรังไข่
การทำงานของซีสต์ในรังไข่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ซีสต์ถุงน้ำที่รังไข่ (Follicle Cyst) ถุงน้ำในรังไข่เกิดจากการตกไข่ในกระบวนการมีรอบเดือน ในช่วงที่ผู้หญิงเกิดรอบประจำเดือน ไข่จะเจริญขึ้นในถุงน้ำที่อยู่ภายในรังไข่ โดยปกติถุงน้ำจะแตกออกและปล่อยไข่ออกมา แต่หากถุงน้ำไม่แตกออกมาขอเหลวที่อยู่ภายในถุงน้ำจะก่อตัวทำให้เกิดเป็นซีสต์ในรังไข่ แต่หากมีประจำเดือนมาหลาย ๆ วันสิ่งนั้นอาจจะก่อให้เกิดซีสต์ในมดลูกซึ่งต่างกันออกไปอีก
- ซีสต์ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม (Corpus Luteum Cyst) โดยปกติแล้ว ถุงน้ำจะละลายหลังจากที่ปล่อยไข่ออกมา แต่หากถุงน้ำไม่มีการละลาย และไม่เปิดออก จะทำให้เกิดการสะสมของของเหลวภายในถุงน้ำ และก่อให้เกิดเป็นซีสต์ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม
ถุงน้ำในรังไข่ประเภทอื่นๆคือ
- เดอร์มอยด์ ซีสต์ (Dermoid Cyst) ถุงน้ำชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะตัว คือ มักจะพบในเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกายภายใน เช่น เส้นผม ผิวหนัง หรือฟัน
- ถุงน้ำเนื้องอกซีสตาดีโนมา (Cystadenomas) เป็นถุงน้ำที่เจริญเติบโตในบริเวณพื้นผิวโดยรอบของรังไข่ และไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
- เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriomas) เป็นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก ที่เจริญเติบโตภายนอกมดลูกเกาะติดกับรังไข่ ก่อให้เกิดซีสต์
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่พบการเกิดถุงน้ำจำนวนมากของรังไข่ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดซีสต์จำนวนเยอะมาก หากไม่รีบรับการรักษาจะทำให้เข้าสู่ภาวะมีบุตรยาก
อาการของถุงน้ำในรังไข่
อาการถุงน้ำในรังไข่ ส่วนใหญ่ซีสต์จะไม่แสดงอาการใดๆ แต่หากถุงน้ำในรังไข่โตขึ้น จะทำให้มีอาการดังต่อไปนี้
- ท้องอืดท้องบวม
- เจ็บปวดเนื่องการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ปวดกระดูกเชิงกรานก่อนหรือระหว่างรอบประจำเดือน
- เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปวดหลังส่วนล่างหรือต้นขา
- เต้านมแข็ง และปวด
- คลื่นไส้และอาเจียน
หากมีอาการรุนแรงของถุงน้ำรังไข่ดังกล่าวต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที:
- ปวดกระดูกเชิงกรานอยากรุนแรง
- มีอาการไข้ร่วมด้วย
- มีอาการหน้ามืดหรือวิงเวียนศีรษะ
- หายใจเร็ว
ภาวะแทรกซ้อนของถุงน้ำรังไข่
ซีสต์ในรังไข่ ส่วนใหญ่จะหายไปเองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องรักษา ซีสต์เหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการเล็กน้อย บางรายแพทย์อาจตรวจพบก้อนมะเร็งร่วมด้วย หากมีคำถามว่าถุงน้ำในรังไข่อันตรายไหม บางครั้งอาจจะเป็นอันตรายได้เพราะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายจึงควรพบแพทย์
ภาวะการบิดขั้วของรังไข่เป็นภาวะที่พบได้ยาก แต่หากถุงน้ำมีขนาดใหญ่อาจะทำให้เกิดรังไข่บิดได้ หรือรังไข่อาจย้ายจากตำแหน่งเดิม ทำให้เลือดที่จะไปเลี้ยงในรังไข่ถูกตัดขาด กรณีนี้หากไม่รีบรักษาอาจะทำให้เนื้อเยื่อของรังไข่ถูกทำลายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การแตกของซีสต์หรือถุงน้ำในรังไข่แตก กรณีนี้จะพบได้ยาก การแตกของซีสต์จะทำให้มีอาการปวดภายในเป็นอย่างมาก และมีเลือดออก กรณีนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างมาก หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
การวินิจฉัยถุงน้ำรังไข่
แพทย์จะตรวจถุงน้ำรังไข่ บริเวณอุ้งเชิงกราน หากพบว่าถุงน้ำมีลักษณะบวม จะใช้วิธีอัลตร้าซาวน์เพื่อให้มั่นใจว่ามีถุงน้ำ ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อตรวจสอบภายสารภายในถุงน้ำของผู้ป่วย
การใช้เครื่องมือตรวจสอบลักษณะของถุงน้ำในรังไข่
- ใช้ CT สแกน
- ใช้วิธีอัลตร้าซาวน์
- ใช้วิธี MRI
ซีสต์ส่วนใหญ่จะหายไปภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หรือเวลาหลายเดือน แพทย์จะใช้วิธีอัลตร้าซาวน์เพื่อตรวจสอบร่องรองของถุงน้ำในรังไข่อีกครั้ง หากมีถุงน้ำในรังไข่เพิ่มขึ้นแพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุการเพิ่มขึ้นของอาการเหล่านี้เพิ่มเติม
- ตรวจสอบการตั้งภรรค์ ให้มั่นใจว่าผู้ป่วยไม่ได้อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- ตรวจสอบระดับฮอร์โมนว่ามีฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมสเอสโตรเจนมากเกินไปหรือไม่
- การตรวจเลือด CA-125 เพื่อหามะเร็งรังไข่
การรักษาถุงน้ำในรังไข่
การรักษาถุงน้ำที่รังไข่ แพทย์จะทำการรักษาให้ถุงน้ำในรังไข่หัวตัวลงหรือไม่ให้ถุงน้ำมีขนาดโตขึ้น
- ยาคุมกำเนิด กินยาคุมกำเนิดเพื่อหยุดการตกไข่ และป้องกันการเกิดถุงน้ำใหม่ ยาคุมกำเนิดจะช่วยให้ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่ได้อีกด้วย มะเร็งในรังไข่ จะพบได้มากในสตรีวัยหมดประจำเดือน
- การใช้กล้องส่องเข้าไปดูอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เพื่อทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำออก
- การผ่าตัดช่องท้องเพื่อเอาถุงน้ำขนาดใหญ่ออกมา หากตรวจสอบว่าถุงน้ำนั้นเป็นมะเร็ง แพทย์จะทำการผ่าตัดรังไข่และมดลูกออก
การป้องถันโรคถุงน้ำรังในไข่
โรคถุงน้ำรังไข่สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจภายใน การตรวจภายใน จะทำสามารถตรวจซีสต์ในรังไข่ได้ หากพบเจอสามารถรักษาได้ทันท่วงที เพื่อไม่ให้มีอาการผิดปกติที่ตามมาในภายหลังได้
อาการที่อาจบ่งบอกถึงการเกิดโรคถุงน้ำในรังไข่ เช่น
- การเปลี่ยนแปลงรอบประจำเดือน
- ปวดกระดูกเชิงกรานเป็นประจำ
- ไม่เจริญอาหาร
- น้ำหนักลด
- มีอาการปวดท้อง
แนวโน้มระยะยาวของโรคถุงน้ำในรังไข่
ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน และผู้หญิงที่มีฮอร์โมนไม่สมดุล จะมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก หากเกิดขึ้นแล้วแพทย์แนะนำให้รอดูอาการของซีสต์ หากมีซีสต์มีขนาดใหญ่เกินกว่า 5 เซนติเมตร แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดออก เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งในรังไข่ต่อไป
ลิ้งค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา
- https://www.womenshealth.gov/a-z-topics/ovarian-cysts
- https://www.nhs.uk/conditions/ovarian-cyst/
- https://www.onhealth.com/content/1/ovarian_cysts
[ABTM id=1109]