ภาวะเลือดคั่งในสมอง (Intracerebral Hermorrhage) คือการที่เลือดซืมเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองอย่างกะทันหันจนทำให้สมองของผู้ป่วยเสียหาย
อาการของ ICH มักเกิดอย่างกะทันหัน อาการของโรคนี้คือปวดศีรษะ รู้อ่อนเปลี้ยเพลียแรง รู้สึกสับสน และมีอาการอัมพาตที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย การสะสมเลือดในสมองจะทำให้เกิดแรงดันใน และสามารถขัดขวางการรับออกซิเจนของสมอง อาการนี้จึงสามารถทำให้สมองและเส้นประสาทถูกทำลายได้อย่างรวดเร็ว
ถือเป็นเหตุฉุกเฉินที่แพทย์จะต้องทำการรักษาทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการเลือดคั่งในสมอง แต่โรคนี้ไม่พบบ่อยเหมือนอาการของโรคหลอดเลือดสมองตีบ (เป็นอาการที่เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมองเกิดการอุดตันจากลิ่มเลือด) แต่ความรุนแรงของโรคจะร้ายแรงกว่ามาก
สาเหตุของเลือดคั่งในสมอง
ความดันโลหิตที่สูงผิดปกติมักเป็นสาเหตุของภาวะเลือดคั่งในสมอง กรณีผู้ป่วยที่อายุยังน้อยยังพบสาเหตุอีกประการหนึ่งบ่อย ๆ คือร่างกายมีการสร้างเส้นเลือดในสมองมากผิดปกติ
ทุกคนมีโอกาสเป็นภาวะเลือดคั่งในสมองได้ แต่ความเสี่ยงของมักเพิ่มขึ้นตามอายุ และจากสถิติผู้ชายมีความเสี่ยงของภาวะนี้สูงกว่าผู้หญิงเล็กน้อย กลุ่มคนวัยกลางคนที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น หรือแอฟริกัน – อเมริกันล้วนมีความเสี่ยงต่อ ภาวะเลือดคั่งในสมองเช่นกัน
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดคั่งในสมอง
- การบาดเจ็บที่ศีรษะหรือการบาดเจ็บที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
- เส้นเลือดโป่งพองในสมองแตก (เส้นเลือดมีจุดอ่อนที่สามาระที่แตกออก)
- โรคหลอดเลือดในสมองผิดปกติ (เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองที่ผิดรูป จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนของเลือดในสมองตามปกติ)
- ภาวะเส้นเลือดบางกว่าปกติ
- ก้อนบวมในสมองที่ทำให้เลือดออก
- การเสพโคเคนหรือยาไอซ์ (ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงและนำไปสู่การตกเลือด)
- ความผิดปกติเมื่อเลือดไหล (เช่น โรคฮีโมฟีเลียหรือโรคเม็ดเลือดแดงเป็นรูปเคียว)
อาการของภาวะเลือดคั่งในสมอง
อาการของภาวะเลือดคั่งในสมองประกอบด้วย
- ความเจ็บป่วยอย่างเฉียบพลัน การรู้สึกเสียวซ่าหรือเป็นอัมพาตบริเวณใบหน้า แขน หรือขา อาการมักรุนแรงที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและกะทันหัน
- กลืนอาหารลำบาก
- ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นอาจเกิดขึ้นที่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- การสูญเสียสมดุลทางร่างกาย การทำงานของร่างกาย และรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
- เกิดปัญหาในการใช้ทักษะด้านภาษา (การอ่าน การเขียน การพูด การทำความเข้าใจ)
- คลื่นไส้ อาเจียน
- รู้สึกเฉื่อยชา ง่วงซึม ง่วงนอน ไม่มีสติสัมปัชชัญะ
- รู้สึกสับสน เพ้อ
อาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการป่วยที่ถือว่าร้ายแรงทางการแพทย์ ดังนั้นเมื่อคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ให้โทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินทันที
การรักษาภาวะเลือดคั่งในสมอง
เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แพทย์ต้องทำการทดสอบเพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของโรค ดังนี้
-
การทำ CT สแกน การทดสอบนี้จะจำลองภาพในสมองของผู้ป่วย เพื่อยืนยันว่ามีการตกเลือดหรือไม่ และใช้เพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในศีรษะของผู้ป่วย
-
การทำ MRI สแกนอาจช่วยให้แพทย์เห็นสมองของผู้ป่วยได้ชัดเจนขึ้น ช่วยให้ระบุสาเหตุที่เลือดออกได้ดีขึ้น
-
Angiogram เป็นเทคโนโลยีการ X-ray ที่สามารถจับภาพการไหลเวียนของเลือดภายในหลอดเลือดได้ จึงช่วยให้แพทย์ตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ ของหลอดเลือดได้ เช่นการโป่งพอง หรือลักษณะที่ผิดรูปของหลอดเลือด
-
การตรวจวิเคราะห์เลือดสามารถระบุความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การอักเสบและปัญหาการแข็งตัวของเลือดที่เป็นสาเหตุของภาวะเลือดออกในสมองได้

การรักษาต้องทำภายใน 3 ชั่วโมงแรกเมื่อผู้ป่วยมีอาการของโรค จึงได้รับผลลัพธ์จากการรักษาที่ดีที่สุด
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดเลือดคั่งในสมองช่วยบรรเทาแรงดันในสมอง และช่วยซ่อมแซมหลอดเลือดแดงที่ฉีกขาดได้ ยาบางชนิดก็ใช้รักษาอาการนี้ได้ เช่น ยาแก้ปวดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวอย่างรุนแรงได้ ส่วนยาที่ใช้ควบคุมความดันโลหิตนั้นต้องพิจารณาตามความจำเป็น และแพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดอาการชักหากผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการชักเกร็ง
กรณีที่สมองเกิดความเสียหาย ก็มีความจำเป็นที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาแบบระยะยาวได้ แนวการรักษานั้นรวมถึงการบำบัดทางกายภาพ และการฝึกพูดเพื่อฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือปรับปรุงการสื่อสารให้ดีขึ้น แต่ก็ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยด้วย กิจกรรมบำบัดอาจช่วยให้คุณได้ผู้ป่วยมีทักษะ และมีอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้น แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
ภาวะแทรกซ้อนที่มาจากการอาการเลือดคั่งในสมอง
ภาวะแทรกซ้อนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการตกเลือด และระยะเวลาที่สมองขาดออกซิเจน ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมถึง:
-
ทักษะการสื่อสารที่บกพร่อง
-
อาการเหนื่อยล้า
-
ปัญหาระหว่างกลืนอาหาร
-
การสูญเสียการมองเห็น
-
ปัญหาการควบคุมความรู้สึกหรือการเคลื่อนไหวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
-
ความผิดปกติในการใช้สมอง (การสูญเสียความทรงจำ การใช้สมองไตร่ตรองพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ได้ลำบาก) ความสับสนงุนงง
-
อาการบวมที่สมอง
-
อาการชักเกร็ง
-
ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการควบคุมอารมณ์
-
เป็นไข้
สรุปภาพรวมภาวะเลือดคั่งในสมอง
แนวทางการป้องกันภาวะการเลือดคั่งในสมอง:
- ไม่สูบบุหรี่
- รักษาอาการของโรคหัวใจ
- รักษาอาการของโรคความดันโลหิตสูง
- การควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- การดูแลรักษาสุขภาพที่ดี
ผลกระทบในระยะยาว:
การฟื้นตัวของภาวะการเลือดคั่งในสมองในผู้ป่วยแต่ละคนจะแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งขึ้นกับปัจจัยหลายประการ ทั้งอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ตำแหน่งที่เกิดการตกเลือด และความเสียหายของสมองที่เกิดขึ้น
ผู้ป่วยบางคนอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเป็นเดือน หรือเป็นปี ผู้ป่วยเลือดคั่งในสมองส่วนมากมักเกิดความพิการในระยะยาว ในบางกรณีอาจต้องอยู่ในการดูแลของญาติหรือสถานพยาบาลตลอดเวลา
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3138486/
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/14480-brain-bleed-hemorrhage-intracranial-hemorrhage
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team