ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) : อาการ สาเหตุ การรักษา
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คืออะไร ไข้หวัดใหญ่หรือที่รู้จักกันว่าไข้หวัด ซึ่งไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อและทำลายระบบทางเดินหายใจของของผู้ที่ติดเชื้อชนิดนี้
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่สามารถแพร่เชื้อในมนุษย์ได้แบ่งออกเป็น 3 สายพันธ์ คือ A, B และ C ประเภท A เป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ค่อนข้างจะร้ายแรงและอาจจะทำให้เกิดการระบาดและแพร่เชื้อ
อาการทั่วไปของการติดเชื้อชนิด A อาจจะมีอาการต่างจากไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ในบางกรณีที่รุนแรงน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยตนเองโดยไม่มีอาการที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด หากในกรณีที่รุนแรงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
อาการของไข้หวัดใหญ่
อาการไข้หวัดใหญ่มีอาการอย่างไร
ไข้หวัดใหญ่มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับอาการที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการทั่วไปของผู้ที่คาดว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ :
- ไอ
- น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก
- จาม
- เจ็บคอ (Sorethroat)
- มีอาการปวดหัว (Headache)
- เมื่อยล้า
- มีอาการไข้สูง หนาวสั่น
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
บางครั้งอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A อาจหายได้เอง อย่างไรก็ตามหากอาการยังคงอยู่นานกว่าหนึ่งสัปดาห์โดยอาการไม่ดีขึ้นเลยให้ไปพบแพทย์โดยด่วน
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A เช่นผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรได้รับการรักษาในทันที ในบางกรณีไข้หวัดอาจทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ไข้หวัดอาจทำให้ :
- หูอักเสบ
- โรคท้องร่วง (Diarrhea)
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เวียนหัว
- ปวดท้อง
- เจ็บหน้าอก
- โรคหอบหืด
- โรคปอดอักเสบ
- โรคหลอดลมอักเสบ
- มีปัญหาการเต้นของหัวใจ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ไข้หวัดใหญ่ประเภท A และ B พบได้บ่อยในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อาจมีสาเหตุมาจากอาการเป็นไข้หวัดตามฤดูกาล ส่วนประเภท C เป็นไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจแต่จะไม่ค่อยรุนแรงนัก
มนุษย์เป็นพาหะในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ B ไวรัสชนิด B จะกลายพันธุ์ได้ช้ากว่าประเภท A และถูกจำแนกตามสายพันธุ์ ซึ่งไม่ใช่ชนิดย่อย เชื้อไวรัสสายพันธุ์ B ใช้เวลานานในการกลายพันธ์มากว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อน้อยกว่า
อาการของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ B ผู้ป่วยจะมีไข้สูงมากถึง 40 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูก เจ็บคอไอ และคัดจมูก หากมีภาวะแทรกซ้อนก็จะเกิดภาวะปอดอักเสบและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉลี่ยระยะเวลาป่วยประมาณ 6-7 วัน
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อันตรายไหม
ไข้หวัดใหญ่ประเภท A อาจเป็นอันตรายได้ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A สามารถแพร่เชื้อได้ง่าย ซึ่งแตกต่างจากประเภทย่อยคือ ไวรัสสายพันธ์ B และ ไวรัสสายพันธ์ A ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กลายพันธุ์เร็วกว่าไข้หวัดใหญ่สายสายพันธุ์ B แต่ไวรัสทั้งคู่มักจะมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาสามารถสร้างสายพันธุ์ใหม่จากขั้นเดิมไปยังอีกขั้น การฉีดวัคซีนไข้ป้องกันหวัดใหญ่ที่อาจไม่สามารถไม่ป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ใหม่ได้
นกป่าเป็นพาหะเริ่มแรกของไวรัสสายพันธ์ A หรือที่เรียกว่าไข้หวัดนก การติดเชื้อนี้สามารถแพร่กระจายไปยังสัตว์และมนุษย์ได้ เมื่อรวมกับความสามารถในการกลายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ชนิด A ที่จะกลายพันธุ์ได้เร็วกว่าชนิด B อาจทำให้เกิดการระบาดใหญ่ได้
การวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
ก่อนที่จะทำการรักษาแพทย์จะต้องตรวจสอบไวรัสไข้หวัดใหญ่ และตรวจสอบระดับโมเลกุลของผู้ป่วย ในขั้นตอนนี้แพทย์จะทำการป้ายในจมูกหรือลำคอ การทดสอบด้วยวิธีนี้สามารถตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ภายใน 30 นาทีหรืออาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น
ผลลัพธ์อาจจะไม่แน่นอนเสมอไปและแพทย์อาจต้องทำการวินิจฉัยตามอาการของผู้ป่วยหรืออาจมีการวินิจไข้หวัดใหญ่ประเภทอื่น ๆร่วมด้วย
ระยะเวลาของผู้ป่วยที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้
หากผู้ป่วยมีไข้ เชื้อจะอยู่ในตัวผู้ป่วยอย่างน้อย 1 วันก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการมากกว่า 5 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อในกรณีที่รุนแรงมากขึ้นอาจติดต่อกันได้มากขึ้น และอาจมีอาการผันผวนได้หากระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอ่อนแอหรือไม่ได้รับการดูแลโดยเฉพาะในกรณีมีไข้หวัดใหญ่ในเด็กหรือผู้สูงอายุ หากมีในครอบครัวมีเด็กที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ พ่อและแม่ควรดูแลลูกที่เป็นไข้หวัดใหญ่อย่างใกล้ชิด เพราะอาการในเด็กเล็กควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
แนวทางการรักษาไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ A
ในบางกรณีอาการไข้หวัดใหญ่ A สามารถหายได้ด้วยตัวเองด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอและดื่มน้ำให้เพียงพอ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านไวรัสเพื่อรักษาอาการการติดเชื้อ
ใบสั่งยาต้านไวรัสทั่วไป ได้แก่ :
- Zanamivir (Relenza)
- Oseltamivir (Tamiflu)
- Peramivir (Rapivab)
ยาเหล่านี้เรียกว่า Neuraminidase Inhibitors ช่วยลดความรุนแรงของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในการแพร่กระจายจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งซึ่งทำให้กระบวนการติดเชื้อมีความช้าลง
แม้ว่าตัวยาจะมีประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างดีแต่ยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการใด ๆ เหล่านี้หรือหากอาการของผู้ป่วยแย่ลงให้หยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที
ยาใหม่ที่เรียกว่า Baloxavir Marboxil (Xofluza) ถูกสร้างขึ้นโดย บริษัทยาญี่ปุ่นซึ่งได้รับการอนุมัติในเดือนตุลาคม 2018 โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ยาต้านไวรัสนี้จะช่วยหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่
การรักษาด้วยยาที่ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ อาจหาซื้อยาเพื่อบรรเทาอาการไข้หวัดได้เช่นกัน และควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อลดเสมหะในลำคอและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
วิธีการป้องกัน
วิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
- หากมีไข้เกิน 40 องศาควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดการแพร่เชื้อ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย
- ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
- หากป่วยควรรักษาตัวอยู่บ้านงดอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก
- ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ควรกินผลไม้เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน เช่น
- ฝรั่ง ฝรั่งสดหนึ่งลูกมีวิตามิน C มากกว่าส้ม 6 เท่า
- กล้วย 20 เท่า ฝรั่งช่วยป้องกันหวัดและการติดเชื้อในที่ต่างๆ ลดเสมหะ บรรเทาอาการไอ และฆ่าเชื้อโรคบริเวณทางเดินหายใจ
- ผลไม้ ตระกูลส้ม วิตามิน C สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการหวัดไวขึ้น เกรปฟรุ๊ต เลมอน ส้ม และมะนาว คือแหล่งบำรุงภูมิต้านทานเป็นอย่างดี ประกอบไปด้วยฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยในการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมด
- ผลไม้ จำพวกเบอร์รี มีส่วนช่วยลดอาการปวดศีรษะและต่อต้านอาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่รวมไปถึงอาการไข้อื่นๆ อีกด้วย
ลิ้งค์ด้านล่างเป็นแหล่งข้อมูลบทความของเรา