อาการหูดับ (Hearing Loss) หรือภาวะสูญเสียการได้ยินเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่สามารถได้ยินเสียงบางส่วนหรือเสียงทั้งหมดผ่านหูข้างใดข้างหนึ่งหรือหูทั้งสองข้าง โดยปกติอาการหูดับค่อยๆเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป สถาบันโรคหูหนวกเเละความผิดปกติทางการได้ยินอื่นๆ นานาชาติรายงานว่าในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปประมาณ 25% เคยมีอาการหูดับ
ชื่ออื่นๆที่ใช้เรียกอาการหูดับได้แก่
- การได้ยินลดลง
- อาการหูหนวก
- สูญเสียการได้ยิน
- การสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่อง
ส่วนประกอบหลักของหูได้แก่หูชั้นนอก หูชั้นกลางและหูชั้นใน การได้ยินเสียงเกิดขึ้นเมื่อมีคลื่นเสียงผ่านเข้าไปที่หูชั้นนอกไปยังเยื่อแก้วหูที่มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆอยู่ระหว่างหูชั้นนอกและหูชั้นกลาง เมื่อคลื่นเสียงเข้าไปถึงหูชั้นนอก เยื่อแก้วหูจะเกิดอาการสั่นขึ้น
กระดูกหูสามชิ้นบริเวณหูชั้นกลางเรียกว่า ossicle ซึ่งกระดูกสามชิ้นนี้ได้แก่ กระดูก hammer กระดูก anvil และ กระดูก stirrup โดยเยื่อแก้วหูและกระดูกหู ossicle จำทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มอัตราการสั่นเมื่อคลื่นเสียงกำลังเดินทางเข้าไปยังหูชั้นใน
เมื่อคลื่นเสียงเข้าสู่หูชั้นใน คลื่นเสียงจะเคลื่อนที่ผ่านของเหลวในท่อคลอเคลีย สำหรับท่อคลอเคลียมีลักษณะเป็นท่อรูปก้นหอยอยู่ภายในหูชั้นใน ซึ่งภายในท่อรูปก้นหอยนี้มีเซลล์ประสาทที่มีขนขนาดเล็กติดอยู่หลายพันตัว ขนเหล่านี้ทำหน้าที่แปลงการสั่นของคลื่นเสียงให้กลายเป็นคลื่นไฟฟ้าส่งไปยังสมอง เพื่อให้สมองแปลงความหมายของคลื่นไฟฟ้าเพื่อรับรู้ลักษณะหรือประเภทของเสียงที่ได้ยิน เสียงที่เกิดขึ้นจากการสั่นที่แตกต่างกันทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของขนเส้นประสาทขนาดเล็กที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดการส่งสัญญาณเสียงที่แตกต่างกันไปสู่สมองของคุณ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหูดับคืออะไร
สถาบันนักบำบัดคำพูด การใช้ภาษาและการได้ยินรายงานว่าอาการหูดับแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทเกิดขึ้นจากปัจจัยที่แตกต่างกัน สาเหตุส่วนใหญ่ 3 ประการที่ทำการได้ยินเสียงลดลง ได้แก่การสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่องและโรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) รวมถึงการสูญเสียการได้ยินแบบผสมผสานกัน
การสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่อง
การสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่องเกิดขึ้นเมื่อเสียงไม่สามารถเดินทางจากหูชั้นนอกไปถึงเยื่อแก้วหูและกระดูกของหูชั้นกลางได้ เมื่อมีอาการหูดับชนิดนี้เกิดขึ้นคุณจะไม่สามารถได้ยินเสียงเบาหรือเสียงท่อไอเสียรถยนต์ได้ แต่อย่างไรก็ตามอาการหูดับชนิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างถาวรและการรักษาทางการแพทย์สามารถช่วยรักษาอาการนี้ได้ โดยวิธีการรักษาที่นำมาใช้ได้แก่การใช้ยาปฏิชีวนะหรือผ่าตัดที่มีแผลขนาดเล็กเช่นการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม ซึ่งประสาทหูเทียมมีลักษณะเป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ใช้ฝั่งอยู่ใต้ผิวหนังด้านหลังหู โดยประสาทหูเทียมมีหน้าที่แปลงการสั่นของคลื่นเสียงให้การเป็นคลื่นสัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังสมองของคุณเพื่อทำการแปลความหมายของเสียงที่ได้ยิน
การสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่องมีสาเหตุเกิดจาก
- หูติดเชื้อ
- อาการแพ้
- หูติดเชื้อในนักกีฬาว่ายน้ำ
- มีขี้หูเกิดขึ้นภายในหู
สิ่งแปลกปลอมที่อุดตันอยู่ภายในหูเช่นเนื้องอกหรือแผลบริเวณช่องหูที่เกิดขึ้นซ้ำเนื่องจากการติดเชื้อส่งผลทำให้เกิดอาการหูดับได้
โรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL)
โรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) เกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างของหูชั้นในหรือทางเดินของเส้นประสาทที่ไปยังสมองถูกทำลาย โดยปกติภาวะการสูญเสียการได้ยินชนิดนี้จะเกิดขึ้นอย่างถาวร โรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) ทำให้การได้ยินเสียงไม่ชัดเจน แม้ว่าจะเป็นเสียที่เกิดขึ้นในระยะปกติหรือเสียงดังอย่างเช่นเสียงท่อไอเสียรถยนต์
โรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) มีสาเหตุเกิดจาก
- ความบกพร่องของโครงสร้างหูตั้งแต่กำเนิด
- การเพิ่มขึ้นของอายุ
- การทำงานในสิ่งเเวดล้อมที่มีเสียงดัง
- อาการบาดเจ็บที่หัวหรือกระโหลก
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของหูชั้นในที่ส่งผลทำให้เกิดการได้ยินเสียงไม่สมดุล
- โรคเนื้องอกประสาทหูเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งที่มีการเจริญเติบโตอยู่ภายในเส้นประสาทที่เชื่อมต่อระหว่างหูและสมองซึ่งมีชื่อเรียกว่า “เส้นประสาท vestibular cochlear ”
การติดเชื้อ
นอกจากนี้โรคที่เกิดจากการติดเชื้อดังต่อไปนี้ยังสามารถทำให้เกิดโรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) ซึ่งได้แก่
ยาที่เป็นพิษต่อหู
ยาบางชนิดอาจเป็นยาที่เป็นพิษต่อหูและสามารถทำให้เกิดโรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลัน (SNHL) ซึ่งมีข้อมูลจาก ASHA พบว่ายาที่มีวางขายตามร้านขายยามากกว่า 200 ชนิดและยาที่แพทย์สั่งให้คนไข้อาจทำให้เกิดอาการหูดับได้ ถ้าหากคุณกำลังใช้ยาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจหรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อร้ายเเรง ควรปรึกษาเเพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดอาการหูดับจากการใช้ยาแต่ละประเภท
การสูญเสียการได้ยินแบบผสมผสานกัน
การสูญเสียการได้ยินแบบผสมผสานสามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่องและโรคหูตึงหรือหูดับเฉียบพลันเกิดขึ้นพร้อมกัน
อาการหูดับมีอะไรบ้าง
โดยปกติอาการหูดับสามารถเกิดขึ้นเรื้อรังได้ ซึ่งตอนเเรกคุณอาจไม่ได้สังเกตุว่าการได้ยินของคุณเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตามถ้าคุณเคยมีประสบการณ์หรือเคยมีอาการดังต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณควรไปพบเเพทย์ทันที
- อาการหูดับที่รบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน
- เป็นโรคหูดับที่รุนเเรงขึ้นเเละอาการที่เกิดขึ้นไม่หายไป
- หูไม่ได้ยินข้างเดียวอย่างรุนเเรง
- หูดับเฉียบพลัน
- ได้ยินเสียงกริ้งในหู
- เกิดอาการหูดับรุนเเรง
- เกิดอาการปวดหูร่วมกับการสูญเสียการได้ยิน
- ปวดหัว
- มีอาการชา
- อ่อนล้าหมดเเรง
คุณควรเข้ารับการรักษาจากเเพทย์ทันที ถ้าหากคุณมีเคยมีอาการปวดหัว อาการหูชาหรืออาการอ่อนล้าร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
- หนาวสั่น
- หายใจเร็ว
- ปวดคอ
- อาเจียน
- อ่อนไหวต่อแสง
- เกิดภาวะจิตใจสับสนเฉียบพลัน
อาการดังกล่าวเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งแต่ละอาการที่เกิดเป็นอันตรายต่อชีวิตและจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากเเพทย์โดยด่วน อย่างเช่นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
วิธีรักษาโรคหูดับทำอย่างไรบ้าง
ถ้าหากคุณมีอาการหูดับเนื่องจากมีขี้หูเกิดขึ้นในช่องหู คุณสามารถนำขี้หูออกด้วยตัวเองได้ที่บ้าน นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อยาใช้เองได้อย่างเช่นยาละลายขี้หูที่สามารถนำขี้หูออกมาได้และการใช้สายยางฉีดน้ำอุ่นเข้าไปในหูเพื่อทำให้ขี้หูไหลออกมา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนพยายามสิ่งที่อุดตันอยู่ในหูออกด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจเป็นการทำให้หูเสียหายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
สำหรับอาการหูดับในกรณีอื่นๆ คุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ ถ้าหากคุณมีอาการหูดับที่มีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาและถ้าหากการไม่ได้ยินเสียงเกิดขึ้นจากการสูญเสียการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่อง แพทย์จะเเนะนำให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับเครื่องช่วยฟังอย่างเช่นประสารหูเทียม
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากอาการหูดับมีอะไรบ้าง
อาการหูดับส่งผลลบในการใช้ชีวิตของผู้คนและทำให้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจ ถ้าหากคุณมีอาการหูดับเกิดขึ้น ภาวะนี้สามารถทำให้คุณไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นต้องการสื่อได้อย่างชัดเจนและทำให้เกิดการเข้าใจผิด และสามารถเพิ่มความกังวลที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นการรักษาอาการหูดับสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้รวมถึงการสร้างเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยปรับปรุงทำให้คุณสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ดีขึ้นอีกด้วย
เราสามารถป้องกันอาการหูดับได้อย่างไรบ้าง
อาการหูดับทุกประเภทไม่สามารถป้องกันได้ อย่างไรก็ตามมีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันอาการหูดับซึ่งได้แก่วิธีดังต่อไปนี้
- ทดสอบการได้ยินเป็นประจำ ถ้าหากคุณทำงานอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง ว่ายน้ำบ่อยหรือไปคอนเสิร์ตเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเสียงดังหรือการฟังเพลงเสียงดัง
- ควรไปพบเเพทย์หากเกิดการติดเชื้อภายในช่องหู เนื่องจากถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาสามารถส่งผลทำให้หูเกิดความเสียหายได้
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.cdc.gov/ncbddd/hearingloss/screening.html
- https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/deafness-and-hearing-loss
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/symptoms-causes/syc-20373072
- https://www.healthyhearing.com/help/hearing-loss
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team