อาการบาดเจ็บที่ศีรษะหมายถึงอะไร
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head Injury) คืออาการเจ็บปวดใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นกับสมองและกะโหลกหรือหนังศีรษะ โดยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่การกระทบกระเทือนระดับปานกลางหรือเกิดรอยฟกช้ำไปจนถึงอาการสมองบาดเจ็บอย่างรุนเเรง สำหรับอาการบาดเจ็บที่ศีรษะทั่วไปได้แก่อาการหัวกระแทกพื้นหรือหัวฟาดพื้นและกะโหลกแตกรวมถึงมีบาดแผลที่หนังศีรษะ ผลที่ตามมาและการรักษาอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะมีหลายอย่างขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะและความรุนเเรงของอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น การบาดเจ็บที่ศีรษะอาจมีบาดแผลเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเปิดและแบบปิด สำหรับอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะแบบปิดหมายถึงอาการบาดเจ็บใดๆก็ตามที่ไม่ทำให้กะโหลกแตกแต่อาการบาดเจ็บที่ศีรษะแบบเปิดหรือมีการแทรกซึมหมายถึงการที่มีบางสิ่งบางอย่างทำให้หนังศีรษะเกิดบาดแผลและทำให้กะโหลกแตกส่งผลทำให้สิ่งแปลกปลอมสามารถแทรกซึมเข้าสู่สมองได้ เป็นเรื่องยากที่ผู้ป่วยจะสามารถประเมินระดับความรุนเเรงของอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะด้วยการมองด้วยตาเปล่า บางครั้งแผลขนาดเล็กอาจทำให้มีเลือดออกมากได้แต่ในขณะที่เกิดแผลขนาดใหญ่แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาเลย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติเมื่อมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนเเรงเกิดขึ้นคือควรไปพบเเพทย์เพื่อประเมินอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นประเภทของอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง
โดยทั่วไปอาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งได้แก่อาการบาดเจ็บที่ศีรษะเนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้หรืออาการบาดเจ็บที่เกิดจากการได้รับเเรงกระทบกระเทือน อาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะที่เกิดเนื่องจากแรงกระทบกระเทือนโดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับทารกหรือเด็กเล็ก แต่อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นกับผู้ใดก็ตามที่ได้รับแรงกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนเเรง อาการบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้- อุบัติเหตุทางรถจักรยานยนตร์
- ตกจากที่สูง
- การถูกทำร้ายร่างกาย
- อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา
สาเหตุหลักของอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมีอะไรบ้าง
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในเยื่อหุ้มสมอง (Hematoma)
ภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองหมายถึงอาการเลือดคั่งหรือมีลิ่มเลือดไหลออกนอกเส้นเลือด ซึ่งอาการเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองเป็นอาการที่อันตรายมาก เนื่องจากลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองสามารถทำให้เกิดความดันมากขึ้นในกะโหลกเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียสติสัมปปัญชัญญะหรือเนื้อเยื่อสมองถูกทำลายถาวรภาวะเลือดออกในสมอง (Hemorrhage)
ภาวะเลือดออกในสมองเป็นอาการเลือดออกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ภาวะมีเลือดออกรอบเยื่อหุ้มสมองที่เรียกว่า subarachnoid hemorrhage หรือภาวะมีเลือดออกในเนื้อเยื่อสมองที่เรียกว่า intracerebral hemorrhage ภาวะเลือดออกที่เยื่อหุ้มสมอง (subarachnoid hemorrhage) มักทำให้เกิดอาการปวดหัวเเละอาเจียนและสำหรับภาวะเลือดออกในเนื้อเยื่อสมอง (intracerebral hemorrhage) ความรุนเเรงของอาการนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ไหลออกมาและเมื่อเวลาผ่านไปปริมาณเลือดที่ไหลออกมาและไม่สามารถควบคุมได้เหล่านี้เป้นสาเหตุทำให้เกิดความดันในเนื้อเยื่อสมองได้การถูกแรงกระทบกระเทือน
แรงกระทบกระเทือนเกิดขึ้นเมื่อมีแรงกระแทกมากระทบกับศีรษะอย่างรุนเเรงจนทำให้สมองได้รับการบาดเจ็บ ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่หัวกระแทกกับพื้นแข็งหรือเกิดแรงที่เข้ามากระทบที่ศีรษะเฉียบพลัน โดยทั่วไปเมื่อเกิดสมองได้รับเเรงกระทบกระเทือนมักทำให้สูญเสียความสามารถในการพูดและหมดสติชั่วคราว อย่างไรก็ตามหากได้รับแรงกระเเทกที่สมองซ้ำอีกครั้งสามารถทำให้สมองเสียหายถาวรได้สมองบวม
อาการบาดเจ็บที่สมองใดๆก็ตามสามารถก่อให้เกิดภาวะสมองบวมได้ ซึ่งอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่มักทำให้บริเวณรอบๆเนื้อเยื่อบวมขึ้น แต่อาการบวมที่เกิดขึ้นมักมีเป็นอันตรายเมื่อเกิดขึ้นกับสมอง เนื่องจากกะโหลกศีรษะไม่สามารถขยายตัวออกให้มีขนาดพอดีกับเนื้อสมองที่บวมขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้มีความดันเพิ่มขึ้นในสมองและเกิดแรงกดทับกับกะโหลกศีรษะกะโหลกศีรษะแตก
กะโหลกศีรษะแตกต่างจากกระดูกส่วนอื่นๆของร่างกายเนื่องจากกะโหลกศีรษะไม่ไขกระดูก จึงทำให้กระโหลกศีรษะมีความแข็งแรงมากและแตกได้ยาก สาเหตุที่ทำให้กะโหลกแตกเกิดจากการที่มีแรงเข้ามากระทบกระเทือนกับศีรษะ ซึ่งเป็นแรงที่กะโหลกไม่สามารถต้านทานได้จึงก่อให้เกิดความเสียหายกับสมอง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกะโหลกศีรษะแตกได้ที่นี่ภาวะสมองกระทบกระเทือนรุนแรงและทำให้ผู้ป่วยหมดสติ
ภาวะสมองถูกแรงกระทบอย่างรุนเเรงเป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่ทำให้มีเลือดไหลออกมาแต่ทำให้เกิดความเสียหายกับเซลล์สมอง ซึ่งความเสียหายเกิดขึ้นกับเซลล์สมองเนื่องจากสมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติและยังส่งผลทำให้สมองบวมหรือเกิดความเสียหายรุนเเรงได้ แม้ว่าไม่สามารถมองเห็นอาการบาดเจ็บได้จากภายนอกเหมือนกับอาการบาดเจ็บที่สมองประเภทอื่นๆ แต่ภาวะสมองถูกแรงกระทบอย่างรุนเเรงและทำให้ผู้ป่วยหมดสติเป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่ศีรษะชนิดที่รุนเเรงมากที่สุดและส่งผลให้สมองถูกทำลายอย่างถาวรหรือเสียชีวิตได้ลักษณะของอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมีอะไรบ้าง
ศีรษะเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดจำนวนมากกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย ดังนั้นจึงสามารถมีเลือดออกที่เนื้อเยื่อสมองได้ เมื่อสมองเกิดความเสียหายเนื่องจากเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนเเรง แต่อย่างไรก็ตามการบาดเจ็บที่ศีรษะทุกประเภทไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้มีเลือดออก สิ่งที่สำคัญคือควรตระหนักถึงอาการอื่นๆที่สามารเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนเเรงไม่สามารถหายเองได้ ดังนั้นคุณควรใช้เวลาสังเกตุอาการบาดเจ็บที่เกิดเป็นเวลาหลายวัน หลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อาการทั่วไปที่เกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะแบบไม่รุนเเรง- อาการปวดหัว
- วิงเวียนศีรษะ
- รู้สึกเวียนหัวแบบบ้านหมุน
- รู้สึกสับสนเล็กน้อย
- มีอาการคลื่นไส้
- ได้ยินเสียงสั่นกระดิ่งในหูอย่างฉับพลัน
- สูญเสียสติสัมปัชัญญะ
- เกิดภาวะลมชัก
- อาเจียน
- สูญเสียการทรงตัวของร่างกาย
- สติเลอะเลือนอย่างรุนเเรง
- ไม่สามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน
- การเคลื่อนไหวของตาผิดปกติ
- ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้
- เกิดอาการปวดหัวเป็นประจำหรือปวดหัวอย่างรุนเเรงมากขึ้น
- สูญเสียความทรงจำ
- อารมณ์แปรปรวน
- มีของเหลวไหลออกจากจมูกหรือหู
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะควรได้รับการรักษาเมื่อไหร่
ไม่ควรมองข้ามอาการบาดเจ็บศีรษะที่เกิดขึ้น ควรไปพบเเพทย์เมื่อคุณสังเกตุพบว่ามีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นกับศีรษะอย่างรุนเเรง คุณควรไปพบเเพทย์ ถ้าหากคุณเคยมีอาการดังต่อไปนี้- สูญเสียสติสัมปปัญชัญญะ
- เกิดความรู้สึกสับสน
- สติเลอะเลือน
วิธีการวิจฉัยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะทำอย่างไร
หนึ่งในวิธีการที่แพทย์ใช้ประเมินอาการบาดเจ็บที่ศีรษะคือวิธี Glasgow coma scale (GCS) โดยใช้คะแนน GCS 15 คะแนนเพื่อประเมินระดับการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกตัว ซึ่งคะแนน GCS ที่น้อยที่สุดบ่งบอกถึงอาการบาดเจ็บที่มีความรุนเเรงน้อยที่สุด แพทย์จำเป็นต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ เพื่อทดสอบว่าคุณยังสามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้และคุณไม่หลงลืมเกี่ยวกับรายละเอียดของอุบัติเหตุ ถ้าหากเป็นไปได้คุณควรพาผู้ที่สามารถเป็นพยานในอุบัติเหตุให้คุณได้ เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์ควรระบุให้ได้ว่าคุณมีอาการสูญเสียความทรงจำหรือไม่และคุณมีอาการสูญเสียความทรงจำเกิดขึ้นเป็นเวลานานเท่าไหร่ นอกจากนี้แพทย์ยังต้องตรวจสอบลักษณะของบาดแผลที่เกิดขึ้นว่ามีอาการฟกช้ำหรือบวมขึ้นหรือไม่ รวมถึงมีการตรวจสอบเกี่ยวกับระบบประสาทอีกด้วย ในระหว่างการตรวจร่างกายแพทย์จะทำการตรวจการทำงานของระบบประสาทด้วยการประเมินความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวของตาและความสามารถในการรับรู้สิ่งต่างๆ สำหรับการตรวจสอบด้วยรูปภาพที่ใช้สำหรับตรวจอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับศีรษะแพทย์ใช้การ CT scan เพื่อช่วยทำให้สามารถมองเห็นรอยแตกของกะโหลก หลักฐานของการมีเลือดออกและลิ่มเลือดอุดตันรวมถึงภาวะสมองบวมและความเสียหายทางโครงสร้างอื่นๆ การทำ CT scan เป็นวิธีตรวจที่รวดเร็วและถูกต้อง ดังนั้นจึงเป็นขั้นตอนแรกที่นำมาใช้ตรวจสอบภาพของศีรษะของคุณ นอกจากนี้คุณอาจได้รับการตรวจด้วยวิธี MRI scan ที่ทำให้สามารถเห็นภาพรายละเอียดของสมองได้มากขึ้น โดยปกติการทำ MRI scan แพทย์จะสั่งให้ตรวจเมื่อคุณมีอาการปกติเท่านั้นวิธีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะควรได้รับการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง
การรักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนเเรงของอาการบาดเจ็บ สำหรับอาการบาดเจ็บของศีรษะที่ไม่รุนเเรงมักไม่มีอาการอื่นๆนอกจากอาการปวดรอบๆบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ สำหรับในกรณีคุณสามารถทานยาเเก้ปวด acetaminophen (Tylenol) เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ คุณไม่ควรทานยาบรรเทาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่นยาไอบลูโพเฟน(Advil) หรือ ยาแอสไพริน (Bayer) เพราะทำให้เกิดเลือดออกอย่างรุนเเรงมากขึ้น ถ้าหากคุณมีแผลเปิด แพทย์จะใช้วิธีการเย็บแผลเพื่อปิดแผลและปิดแผลด้วยผ้าพันแผล แม้ว่าเกิดอาการบาดเจ็บที่ศีรษะไม่รุนเเรง คุณควรสังเกตุดูอาการที่เกิดขึ้นต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าอาการบาดเจ็บไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยทรุดลง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ผิดซึ่งไม่เป็นเรื่องจริงที่ว่าคุณไม่ควรนอนหลับหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่คุณควรตื่นขึ้นมาทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบอาการอื่นเกิดขึ้นใหม่ที่เกิดขึ้นและควรไปพบเเพทย์ถ้าหากมีอาการอื่นหรือมีอาการเจ็บปวดที่รุนเเรงมากขึ้น คุณสามารถนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ ถ้าหากคุณมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนเเรง โดยการรักษาที่คุณได้รับขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยอาการของโรคที่เกิดขึ้นกับคุณ การรักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะรุนเเรงมีดังต่อไปนี้การใช้ยารักษา
ถ้าหากคุณได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนเเรง คุณอาจได้รับยาต้านอาการชัก เมื่อคุณมีความเสี่ยงเกิดภาวะชักภายใน 1 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ คุณอาจได้รับยาขับปัสสาวะ ถ้าหากอาการบาดเจ็บทำให้เกิดความดันขึ้นภายในสมอง เนื่องจากยาขับปัสสาวะจะช่วยขับของเหลวออกจากร่างกายมากขึ้น จึงสามารถช่วยบรรเทาความดันบางส่วนได้ ถ้าหากคุณได้รับบาดเจ็บอย่างรุนเเรง คุณจะได้รับการรักษาในห้องรักษาผู้ป่วยอาการโคม่าด้วยการรักษาที่เหมาะสม ถ้าหากหลอดเลือดของคุณได้รับความเสียหาย เมื่อคุณอยู่ในอาการโคม่า สมองของคุณจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนปริมาณมากและได้รับสารอาหารตามปกติการผ่าตัด
ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองในอนาคต โดยแพทย์มีเป้าหมายในการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการดังต่อไปนี้- เพื่อนำลิ่มเลือดอุดตันออกจากเยื่อหุ้มสมอง
- ซ่อมแซมกะโหลกศีรษะ
- ลดแรงดันที่เกิดขึ้นภายในกะโหลกศีรษะ
การบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ
ถ้าหากคุณได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนเเรง โดยส่วนใหญ่คุณจำเป็นต้องได้รับการบำบัดเพื่อฟื้นฟูการทำงานของสมอง ซึ่งประเภทของการรักษาเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพขึ้นอยู่กับการทำงานของสมองที่สูญเสียไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บ สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่สมองจำเป็นต้องได้รับการบำบัดเพื่อช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและการพูดสิ่งที่ควรคาดหวังในระยะยาวคืออะไร
ผลลัพธ์จากการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนเเรงของอาการบาดเจ็บ คนส่วนใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะไม่รุนเเรงอาจไม่มีอาการใดๆเกิดขึ้น แต่สำหรับคนที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนเเรงอาจต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างถาวรกับบุคลิกภาพและสมรรถภาพทางร่างกายรวมถึงความสามารถในการใช้ความคิดของพวกเขา อาการบาดเจ็บที่ศีรษะในวัยเด็กเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโดยทั่วไปพัฒนาการสมองส่วนที่เกี่ยวข้องทางด้านความคิดบกพร่องเกิดจากอาการบาดเจ็บต่างๆ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยเหลือและทำงานร่วมกับคุณ เพื่อทำให้มั่นใจว่าคุณได้หายจากอาการบาดเจ็บได้มากที่สุดจะทำอย่างไรเมื่อศีรษะของคุณได้รับบาดเจ็บ: การปฏิบัติทันทีและสัญญาณที่ควรระวัง
การแนะนำ:
การบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิดและมีตั้งแต่การกระแทกเล็กน้อยไปจนถึงการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการลื่นล้ม เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬา หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ การตอบสนองอย่างเหมาะสมเมื่อต้องรับมือกับการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สมองเป็นอวัยวะที่บอบบาง และการบาดเจ็บใดๆ ในบทความนี้ เราจะสำรวจวิธีดำเนินการทันทีที่คุณควรดำเนินการหากคุณหรือบุคคลอื่นประสบกับอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ รวมถึงสัญญาณที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะที่ร้ายแรงกว่านั้นประเมินสถานการณ์:
เมื่อเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะ สิ่งสำคัญคือต้องสงบสติอารมณ์และประเมินสถานการณ์ หากคุณหรือคนอื่นโดนศีรษะ ให้ตรวจดูร่องรอยการบาดเจ็บที่ชัดเจน เช่น เลือดออก ฟกช้ำ หรือบวม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บมีสติและตอบสนอง และมองหาสัญญาณอื่นๆ ของการบาดเจ็บที่คอหรือกระดูกสันหลังขอความช่วยเหลือทางการแพทย์:
หากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง หรือหมดสติ ชัก หรือสับสน สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ทันที โทรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินหรือพาบุคคลนั้นไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยไม่ชักช้า เวลาเป็นสิ่งสำคัญเมื่อพูดถึงการบาดเจ็บที่ศีรษะ และการได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในผลลัพธ์ที่ได้พักผ่อนและตรวจสอบ:
สำหรับอาการบาดเจ็บที่ศีรษะที่ไม่รุนแรงซึ่งไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ในทันที จำเป็นต้องพักผ่อนและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด กระตุ้นให้พวกเขานอนลงในห้องที่เงียบและมืด ลดการกระตุ้นและใช้เวลาหน้าจอให้น้อยที่สุด ซึ่งอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ จับตาดูสภาพของพวกเขาอย่างใกล้ชิดและระวังการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องใช้ Ice Pack:
หากมีอาการบวมหรือฟกช้ำรอบๆ บริเวณที่บาดเจ็บ คุณสามารถประคบเย็นหรือห่อน้ำแข็งด้วยผ้าเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ หลีกเลี่ยงการวางน้ำแข็งลงบนผิวหนังโดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำแข็งไหม้หลีกเลี่ยงยาบางชนิด:
ในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ ให้ใช้ยาอะเซตามิโนเฟนแทนเพื่อบรรเทาอาการปวดหากจำเป็น โดยทำตามปริมาณที่แนะนำตื่นตัวและมีส่วนร่วม:
สำหรับการบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย โดยทั่วไปแนะนำให้บุคคลนั้นตื่นตัวและทำกิจกรรม หากพวกเขาเป็นผู้ใหญ่และไม่แสดงอาการแย่ลง การตื่นนอนบ่อยๆ สามารถช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาเป็นเด็ก สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมดูสัญญาณเตือน:
จับตาดูผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิดและสังเกตสัญญาณเตือนที่อาจบ่งชี้ว่ามีอาการรุนแรงขึ้น สัญญาณเหล่านี้อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:- ปวดศีรษะรุนแรงหรือแย่ลง
- อาเจียนหรือคลื่นไส้ซ้ำๆ
- พูดไม่ชัดหรือมีปัญหาในการพูด
- ชักหรือชัก
- รูม่านตาขยายหรือขนาดรูม่านตาไม่เท่ากัน
- เวียนศีรษะถาวรหรือเสียการทรงตัว
- หมดสติหรือตื่นยาก
- ของเหลวหรือเลือดไหลออกจากหูหรือจมูก
หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบพบแพทย์ทันที
บทสรุป:
การบาดเจ็บที่ศีรษะต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างระมัดระวังและการดำเนินการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือรุนแรง ขั้นตอนทันทีที่คุณทำหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกระบวนการฟื้นตัวและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ทำตามข้อควรระวังเสมอ และเมื่อมีข้อสงสัย ให้ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทันที โปรดจำไว้ว่าสมองเป็นอวัยวะที่มีค่า และการดูแลสมองควรมีความสำคัญสูงสุดในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/head-injury
- https://www.nhs.uk/conditions/severe-head-injury/
- https://www.columbianeurology.org/neurology/staywell/head-injury
- https://www.webmd.com/fitness-exercise/guide/head-injuries-causes-and-treatments
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น