ปวดเอว (Flank Pain) : อาการ สาเหตุ วิธีการรักษา
อาการปวดเอว (Flank Pain) คือ การไม่สบายและปวดช่องท้องส่วนบนหรือปวดหลังบริเวณเอว และด้านข้าง มีอาการปวดในบริเวณด้านล่างซี่โครง และเหนือกระดูกเชิงกราน ปกติดอาการจะแย่ในด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
ทุกคนสามารถเกิดอาการปวดบั้นเอวได้ และอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว อย่างไรก็ตามอาการปวดเอวเรื้อรัง สามารถบอกปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น การขาดน้ำหรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตหรือปัญหาเกี่ยวกับไตอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดเอวเรื้อรัง
ถึงอาการปวดเอวเรื้อรังส่วนมากจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับไต แต่ก็อาจเป็นผลมาจากสาเหตุอื่นๆ หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยคุณจำเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
อาการปวดบั้นเอว
อาการปวดเอวสามารถเกิดได้แบบชั่วคราว และเรื้อรัง
อาการเนื่องจากปัญหาไต
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอวร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
- เป็นผื่น
- มีไข้
- เวียนศีรษะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องผูก
- ท้องร่วง
- ปวดขณะปัสสาวะ
- มีเลือดปนในปัสสาวะ
หากมีอาการปวดเอวร่วมกับอาการด้านบน ควรรีบพบแพทย์โดยทันที
อาการเนื่องจากปัญหาการขาดน้ำ
หากมีอาการปวดเอวอย่างหนักร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที
- กระหายน้ำอย่างมาก
- ไม่มีเหงื่อ
- เวียนศีรษะ
- ชีพจรเร็ว
- ปากแห้ง เหนียว
- ปวดศีรษะ
- มีไข้
- ท้องผูก
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ปัสสาวะน้อยลง
สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ ดื่มน้ำให้เพียงพอโดยทันที เมื่อคุณสูญเสียน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป อวัยวะ เซลล์และเนื้อเยื่อจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน และอาการช็อกได้
สาเหตุของการปวดเอว
โดยทั่วไปการปวดเอวมักจะมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้
- การติดเชื้อของไต
- ฝีในไต
- นิ่วในไต
- การสูญเสียน้ำ
- การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
- งูสวัด
- Tietze’s syndrome
- โรคข้ออักเสบโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไขข้อกระดูกสันหลัง
- กระดูกสันหลังหัก
- โรคหมอนรองกระดูก
- เส้นประสาทถูกกดทับ
- กล้ามเนื้อกระตุก
สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยมาก ได้แก่
- โรคไต
- ปอดอักเสบ
- ตับอ่อนอักเสบ
- ไส้ติ่งอักเสบ
- ทางเดินปัสสาวะอุดตัน
- โรคลำไส้อักเสบ
- งูสวัด
- หลอดเลือดในช่องท้องโป่งพอง
การวินิจฉัยอาการปวดเอว
เมื่อพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักถามคำถามที่สำคัญต่อไปนี้
- ตำแหน่งที่มีอาการปวด
- เวลาที่เริ่มปวด
- อาการปวดเป็นอย่างไร
- มีอาการปวดบ่อยแค่ไหน
- มีอาการปวดมานานแค่ไหน
- อาการเพิ่มเติมอื่นๆ
แพทย์จะตรวจเลือด และฉายภาพ เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดเอว การฉายภาพ เช่น อัลตราซาวด์หรือรังสีเอกซ์ ช่วยให้แพทย์สามารถสังเกตเห็นปัญหาของอวัยวะภายใน กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ
ก่อนทำการทดสอบเหล่านี้แพทย์อาจฉีดสีย้อมที่ตัดกันลงในหลอดเลือดดำ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของภาพฉาย ให้สามารถระบุสิ่งกีดขวางในหลอดเลือด หรืออวัยวะได้ง่ายขึ้น โดยสีย้อมนั้นไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นไอโอดีน
การตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ ที่แพทย์ของคุณอาจแนะนำ ได้แก่ :
- การสแกน CT ช่องท้องซึ่งเป็นเอกซเรย์เฉพาะทางแสดงภาพตัดขวางของช่องท้อง
- Cystoscopy เป็นวิธีการสอดท่อเล็กๆ ที่มีกล้องติดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ
- การวิเคราะห์ปัสสาวะ
- การเพาะเลี้ยงปัสสาวะ เพื่อตรวจหาแบคทีเรียในปัสสาวะ
การรักษาอาการปวดเอว
การพักผ่อนเป็นการรักษาเบื้องต้นสำหรับอาการปวดเอว อาการปวดเอวสามารถหายได้เมื่อรักษาด้วยการพักผ่อน และกายภาพร่วมด้วย แพทย์อาจจะมีการแนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อลดอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรวดเร็ว
วิธีการรักษาอาการปวดเอวจากการอักเสบ
สำหรับอาการปวดเอว จากการอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อ และโรคข้ออักเสบ โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการเฉพาะที่ปรากฏ
การติดเชื้อในไตต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ โปรแกรมกายภาพบำบัด และการออกกำลังกายช่วยบรรเทาอาการปวด เนื่องจากโรคข้ออักเสบในกระดูกสันหลังได้ แพทย์จะทำการให้ยาต้านการอักเสบซึ่งจะช่วยลดการอักเสบ และในบางกรณีผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
วิธีการรักษาอาการปวดเอวจากนิ่วไต
ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวด และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อกระตุ้นให้นิ่วในไตไม่ขัดขวางในท่อไต ส่วนใหญ่นิ่วในไตไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
อย่างไรก็ตามแพทย์อาจใช้วิธีการ lithotripsy กรณีนิ่วในไตขนาดใหญ่จนไม่สามารถออกจากร่างกายได้ง่ายด้วยการถ่ายปัสสาวะ Lithotripsy เกี่ยวข้องกับการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อสลายนิ่วในไต
ท่อไตเป็นท่อที่นำปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ แพทย์อาจเลือกใช้วิธีการอื่นๆ อย่างเช่นการผ่าตัด ในการนำนิ่วออก หากอาการยังไม่ดีขึ้นหลังได้รับการรักษา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบโดยเร่งด่วน
การป้องกันอาการปวดเอว
สามารถป้องกันอาการปวดได้ดังนี้
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
- รับประทานอาหารที่มีผัก ผลไม้ และโปรตีนลีนเป็นหลัก
- ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK292/
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/324592
- https://share.upmc.com/2016/01/3-most-common-causes-of-flank-pain/
- https://medlineplus.gov/ency/article/003113.htm
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team