ปวดหู (Earaches) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
ปวดหู
โดยปกติอาการปวดหู (Earaches) มักเกิดขึ้นกันเด็กแต่สามารถเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยอาการปวดหูสามารถเกิดขึ้นกับหูหนึ่งข้างหรือทั้งสองข้างแต่โดยส่วนใหญ่เเล้วมักเกิดขึ้นกับหูเพียงข้างเดียว ซึ่งอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นสามารถเกิดขึ้นเเละหายไปและอาจมีลักษณะเจ็บปวดแบบชา เจ็บแปลบหรือแสบร้อน ถ้าหากคุณมีอาการหูอักเสบอาจมีไข้และสูญเสียการได้ยินเฉียบพลันเกิดขึ้นได้ อาการหูอักเสบในเด็กเล็กทำให้เกิดอาการระคายเคืองและรำคาญได้จึงทำให้พวกเขาเอามือถูที่ใบหูของพวกเขา   อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการ สาเหตุและวิธีรักษารวมถึงข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับอาการปวดหู Earaches

อาการปวดหู

อาการปวดหูสามารถเกิดขึ้นจากหูอักเสบหรืออาการบาดเจ็บที่หูในผู้ใหญ่ได้แก่ 
  • อาการเจ็บหู 
  • การสูญเสียการได้ยิน
  • การระบายของเหลวในหู
นอกจากนี้อาการที่เกิดขึ้นในเด็กมีดังต่อไปนี้ 
  • เจ็บปวดในหู
  • ได้ยินเสียงไม่ชัดเจนหรือไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินได้ 
  • มีไข้
  • รู้สึกหูอื้อข้างเดียว
  • นอนหลับยาก
  • ถูหรือดึงใบหู
  • ร้องไห้หรือแสดงอาการระคายเคืองมากกว่าปกติ
  • ปวดหัว
  • ไม่อยากอาหาร
  • สูญเสียการทรงตัว

สาเหตุทั่วไปที่ทำให้มีอาการปวดหูเกิดจากอะไรบ้าง

อาการบาดเจ็บ การติดเชื้อและอาการระคายเคืองภายในหูหรือมีอาการปวดต่างที่ โดยอาการปวดแบบนี้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหลายที่เกิดอาการติดเชื้อหรือบาดเจ็บ ตัวอย่างเช่นอาการเจ็บปวดที่มีจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นที่ขากรรไกรหรือฟันสามารถทำให้รู้สึกเจ็บภายในหูได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหูมีดังต่อไปนี้

อาการหูอักเสบ

หูอักเสบเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บหู โดยหูอักเสบสามารถเกิดขึ้นภายในหูชั้นนอก หูชั้นกลางและหูชั้นใน  การติดเชื้อที่หูชั้นนอกอาจเกิดจากการว่ายน้ำ การใส่เครื่องช่วยฟังหรือหูฟังที่ทำให้เป็นความเสียหายบริเวณผิวหนังช่องหู นอกจากนี้การใช้สำลีก้านแหย่เข้าไปในช่องหูหรือการใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปยังทำให้เกิดอาการอักเสบที่หูได้  เมื่อผิวหนังที่หูถูกแกะหรือเกาสามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองและนำไปสู่การติดเชื้อได้ น้ำที่หล่อเลี้ยงผิวในช่องหูสามารถสร้างแหล่งที่อยู่ให้กับเชื้อแบคทีเรียได้  หูชั้นกลางสามารถเกิดการติดเชื้อได้โดยมีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยของเหลวที่เกิดขึ้นหลังแก้วหูก่อให้เกิดการติดเชื้อและเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียได้  หูชั้นในอักเสบเป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหูชั้นใน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากโรคทางเดินหายใจ 

สาเหตุของอาการปวดหูทั่วไปที่พบได้มากได้แก่

สาเหตุทั่วไปของอาการปวดหูที่พบได้น้อย

  • โรคขากรรไกรผิดปกติ (TMJ) 
  • เยื่อแก้วหูทะลุ
  • ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ
  • ฟันอักเสบติดเชื้อ
  • ฟันผุ
  • เกิดผิวหนังอักเสบภายในช่องหู
  • โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (อาการปวดเส้นประสาทเรื้อรัง)

การรักษาอาการปวดหูที่บ้าน

คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดหู ลองทำตามวิธีดังต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดหู
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหู
  • พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้หูเปียก
  • นั่งหลังตรงเพื่อลดเเรงดันภายในหู
  • หาซื้อยาหยอดหูจากร้านขายยาทั่วไป
  • ใช้ยาแก้ปวดจากร้านขายยา
  • เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อลดเเรงดันภายในช่องหู
  • ให้นมเด็กทารกเพื่อช่วยลดแรงดันภายในช่องหูของพวกเขา

การรักษาทางการแพทย์สำหรับอาการปวดหู

ถ้าหากคุณมีอาการหูติดเชื้อ แพทย์จะให้ทานยาปฏิชีวนะหรือยาหยอดหูหรือในบางกรณีเเพทย์อาจให้ผู้ป่วยใช้ยาทั้งสองอย่าง   อย่าหยุดทานยาปฏิชีวนะเมื่อคุณมีอาการดีขึ้น สิ่งสำคัญคือคุณควรทานยาที่แพทย์สั่งให้หมดเพื่อทำให้มั่นใจว่าอาการอักเสบได้หายไปอย่างสมบูรณ์ หากมีขี้หูเกิดขึ้นเนื่องจากอาการเจ็บหู คุณจะได้รับยาหยอดหูที่ใช้ละลายขี้หูซึ่งทำให้ขี้หูหลุดออกมากเอง นอกจากนี้แพทย์อาจระบายขี้หูออกด้วยวิธีการที่เรียกว่าการล้างหูหรือใช้เครื่องดูดขี้หูเพื่อทำลายขี้หู แพทย์จะทำการรักษาโรคขากรรไกรและไซนัสอักเสบรวมถึงอาการหรือโรคอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการปวดหูโดยตรงเพื่อรักษาอาการปวดหู

ควรไปพบเเพทย์เมื่อไหร่

ถ้าหากเด็กมีไข้สูง 104ºF หรือ 40 ºC หรือมากกว่านี้ ควรไปพบเเพทย์ทันที สำหรับเด็กทารกควรไปพบเเพทย์ทันทีเมื่อมีไข้สูงกว่า  101ºF หรือ 38ºC ให้เจ้าหน้าที่อนามัยชุมชนสามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้ หากคุณยังไม่ได้ไปพบแพทย์ คุณควรไปพบเเพทย์ทันที หากมีอาการปวดหูอย่างรุนเเรงเฉียบพลันที่หายไปเองเพราะอาการนี้อาจเป็สัญญาณของแก้วหูแตก คุณควรสังเกตุอาการอื่นที่เกิดขึ้น ถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น ควรทำการนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษาจากแพทย์
  • มีอาการเจ็บหูอย่างรุนแรง
  • วิงเวียนศีรษะ
  • ปวดหัวมาก
  • มีอาการบวมรอบหู
  • กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนเเรง
  • มีเลือดหรือหนองไหลออกจากหู
คุณควรไปพบแพทย์ ถ้าหากอาการปวดหูรุนแรงขึ้นหรืออาการปวดหูไม่ดีขึ้นภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง  

วิธีป้องกันอาการปวดหู

อาการปวดหูที่เกิดจากสาเหตุบางอย่างสามารถป้องกันได้ ลองปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับควันบุหรี่
  • นำสิ่งแปลกปลอมออกจากหู 
  • ทำให้หูแห้งหลังจากว่ายน้ำหรืออาบน้ำ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิเเพ้อย่างเช่นฝุ่นหรือเกสรดอกไม้เป็นต้น

วิธีแก้อาการปวดหูที่บ้าน

1. ประคบเย็นหรืออุ่น

การประคบอุ่นและเย็นสามารถบรรเทาอาการปวดจากการติดเชื้อที่หูได้ ถือแผ่นประคบร้อนหรือผ้าเย็นประคบที่หูเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที หรือสลับระหว่างร้อนและเย็นเพื่อการรักษาหูติดเชื้อที่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก สามารถใช้แผ่นความร้อนหรือแพ็คน้ำแข็งได้เช่นกัน

2. การออกกำลังกายคอ

การบริหารคอโดยการหมุนคอสามารถช่วยลดแรงกดในช่องหูที่เกิดจากการติดเชื้อในหู ต่อไปนี้เป็นวิธีฝึกการหมุนคอ:
  1. นั่งหรือยืนตัวตรง
  2. หมุนคอไปทางขวาเพื่อให้ขนานกับไหล่ขวา กดค้างไว้ห้าถึง 10 วินาที
  3. ทำแบบฝึกหัดนี้ซ้ำทางด้านซ้าย
  4. ยกไหล่ของคุณให้สูงเหมือนกับว่าคุณกำลังพยายามเอื้อมมือไปที่ติ่งหู กดค้างไว้ห้าถึง 10 วินาที
  5. ทำซ้ำแบบฝึกหัดเหล่านี้ตลอดทั้งวัน

3. มูลเลน

น้ำมันที่ทำจากดอกของต้นมูลเลน ถือเป็นยาแก้ปวดหูอักเสบ ที่มีประสิทธิภาพมูลเลน มีจำหน่ายที่ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพส่วนใหญ่เป็นทิงเจอร์เดี่ยวหรือส่วนผสมในยาหยอดหูสมุนไพร

4. วิตามินดี 

วิตามินดีอาจดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อที่หู แต่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมีโอกาสน้อยที่จะไวต่อการติดเชื้อที่หู  

5. น้ำมันกระเทียม

ด้วยคุณสมบัติต้านจุลชีพ ต้าน ไวรัส และต้านเชื้อรา น้ำมันกระเทียมหยอดหูสามารถใช้กับช่องหูเพื่อช่วยฆ่าแบคทีเรียหรือไวรัสที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในหู คุณยังสามารถแช่กลีบกระเทียมที่บดแล้วในน้ำมันมะกอกอุ่นๆ เพื่อทำน้ำมันกระเทียมหยอดหูของคุณเอง

6. การดูแลไคโรแพรคติก

การปรับไคโรแพรคติกอาจช่วยคลายกล้ามเนื้อตึงรอบหู ทำให้ของเหลวที่ติดอยู่ระบายออกได้  การดูแลด้วยไคโรแพรคติกอาจลดอาการติดเชื้อที่หูในเด็กเล็กได้

7. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถช่วยให้หูสะอาดและป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียอื่นๆ เข้าสู่หูชั้นกลาง มีประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันหูของนักว่ายน้ำ เช็ดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เล็กน้อยลงบนช่องหู แต่ระวังอย่าให้มากเกินไปเข้าไปในหู

8. ขิง

ขิง เป็นที่รู้จักกันดีในด้านคุณสมบัติต้านการอักเสบ ขิงในรูปของน้ำผลไม้หรือน้ำมันผสมสามารถนำมาใช้กับช่องหูชั้นนอกได้ แต่ไม่ควรใส่เข้าไปในหูโดยตรง

9. ยาหยอดหูจากธรรมชาติ

ยาหยอดหูจากธรรมชาติประกอบด้วยสมุนไพรหรือน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดที่สามารถช่วยรักษาโรคหูอักเสบได้ อาจมีกระเทียม ขิง น้ำมันทีทรี มูลลีน หรือสมุนไพรอื่นๆ สถานที่ที่ดีที่สุดในการหายาหยอดหูจากธรรมชาติคือร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพหรือร้านขายอาหารเสริม

10. เปลี่ยนท่านอน 

หากคุณเป็นคนนอนตะแคง ให้ลองนอนโดยให้หูข้างที่ปวดหงายขึ้นแทนการหนุนหมอน การนอนโดยให้หูข้างที่ปวดอยู่บนหมอนอาจทำให้หูของคุณแย่ลงกว่าเดิม การแนะนำสิ่งนี้แก่เด็กที่อาจนึกไม่ออกโดยสัญชาตญาณสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในตอนกลางคืนได้

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.healthline.com/health/earache
  • https://www.webmd.com/cold-and-flu/ear-infection/why-does-ear-hurt
  • https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/ears-nose-and-throat/earache
  • https://www.health.harvard.edu/a_to_z/earache-a-to-z

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด