ภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) คือ การไม่สามารถกลืนอาหารหรือของเหลวได้ง่าย คนที่กลืนลำบากอาจสำลักอาหารหรือของเหลวเมื่อพยายามกลืน ชื่อทางการแพทย์สำหรับการกลืนลำบากคือ Dysphagia อาการนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงสภาวะทางการแพทย์เสมอไป ตามความเป็นจริงแล้วอาการนี้อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและหายไปเอง

สาเหตุที่ทำให้กลืนลำบาก

ตามรายงานของ สถาบันแห่งชาติเกี่ยวกับความหูหนวกและความผิดปกติในการสื่อสารอื่น ๆ (National Institute on Deafness and Other Communication Disorders)  มีกล้ามเนื้อและเส้นประสาทจำนวน 50 คู่ที่ใช้เพื่อช่วยในการกลืน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีความผิดพลาดหลายอย่างที่นำไปสู่ปัญหาการกลืน ภาวะบางประการเหล่านั้น ได้แก่

  • กรดไหลย้อนและโรคกรดไหลย้อน: อาการกรดไหลย้อนเกิดขึ้นเมื่อของในกระเพาะอาหารไหลจากกระเพาะอาหารย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ปวดท้องและเรอ

  • แสบร้อนกลางอก : อาการแสบร้อนกลางอก คือ ความรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกซึ่งมักเกิดขึ้นร่วมกับอาการขมในลำคอหรือปาก

  • ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบ : ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบคือลักษณะของเนื้อเยื่ออักเสบภายในกล่องเสียงของคุณ เป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน

  • โรคคอพอก: ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่คออยู่บริเวณใต้ลูกกระเดือก ภาวะที่ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า โรคคอพอก

  • หลอดอาหารอักเสบ: คือการอักเสบของหลอดอาหารที่อาจมีสาเหตุมาจากกรดไหลย้อน หรืออาจเป็นผลมาจากการใช้ยาบางชนิด

  • มะเร็งหลอดอาหาร: เกิดขึ้นเมื่อก้อนเนื้อร้าย (เป็นมะเร็ง) ก่อตัวขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารซึ่งอาจทำให้กลืนลำบาก

  • มะเร็งกระเพาะอาหาร (มะเร็งในกระเพาะอาหาร): เกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งก่อตัวในเยื่อบุกระเพาะอาหาร เนื่องจากตรวจพบได้ยากจึงมักไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่าจะมีอาการของโรคมากขึ้น

  • หลอดอาหารอักเสบจากเชื้อเริม( Herpes esophagitis): หลอดอาหารอักเสบจากเชื้อเริม เกิดจากเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) การติดเชื้อทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกและกลืนลำบาก

  • โรคเริมที่เกิดซ้ำที่ปาก: โรคเริมที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หรือที่เรียกว่าโรคเริมในช่องปากคือการติดเชื้อเชื้อไวรัสเริมในบริเวณปาก

  • ก้อนที่ต่อมไทรอยด์: ก้อนที่ต่อมไทรอยด์เป็นก้อนที่สามารถเจริญในต่อมไทรอยด์ของคุณ อาจเป็นของแข็งหรือเต็มไปด้วยของเหลว อาจเป็นก้อนเดี่ยวหรือกระจุกเป็นกลุ่มก้อน

  • โรคโมโนนิวคลิโอซิส infectious mononucleosis, IM : โรคโมโนนิวคลิโอซิส หรือ mono หมายถึง กลุ่มอาการที่มักเกิดจากไวรัส Epstein-Barr (EBV)

  • งูกัด: การถูกงูพิษกัดถือเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์เสมอ แม้แต่การถูกงูที่ไม่มีพิษกัดก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้

กลืนลำบากมีกี่ประเภท

การกลืนเกิดขึ้นใน 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงการเตรียมช่องปาก ช่วงที่อาหารอยู่ในช่องปาก ช่วงที่อาหารอยู่ที่คอหอย และช่วงที่อาหารอยู่ในหลอดอาหาร การกลืนลำบากสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ: กลืนลำบากที่คอหอยส่วนบน (ซึ่งรวมถึงสามระยะแรก) และกลืนลำบากที่หลอดอาหาร

คอหอยส่วนบน

การกลืนลำบากที่คอหอยส่วนบน เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในลำคอ ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลงส่งผลให้กลืนลำบากโดยไม่สำลักหรืออุดในปาก  สาเหตุของการกลืนลำบากในคอหอยส่วนบนเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบหลักต่อระบบประสาท เช่น:

Dysphagia

การกลืนลำบากที่คอหอยส่วนบน อาจเกิดจากมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งศีรษะหรือคอ หรืออาจเกิดจากการอุดตันในลำคอส่วนบน คอหอย หรือช่องฟาริงเจียล (ช่องคอหอย) ที่สะสมอาหาร

หลอดอาหาร

การกลืนลำบาก คือสภาวะที่รู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ในหลอดอาหาร ซึ่งมีสาเหตุของอาการมาจาก

  • การหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดอาหารส่วนล่าง เช่น การหดเกร็งของหลอดอาหารแบบ diffuse spasms หรืออาการไม่คลายตัวของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหาร

  • การถูกบีบของหลอดอาหารส่วนล่าง เนื่องจากอาการ esophageal ring

  • หลอดอาหารแคบลง เนื่องจากสิ่งที่ผิดปกติในหลอดอาหารมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีแผลเป็นในหลอดอาหาร

  • มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตันในหลอดอาหารหรือลำคอ

  • หลอดอาหารบวมหรือแคบลงเนื่องจากการอักเสบ หรือ GERD

  • มีเนื้อเยื่อแผลเป็นเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังหรือเป็นผลจากการรักษาโดยการฉายรังสี

การจำแนกอาการกลืนลำบาก

หากคุณคิดว่าคุณมีอาการกลืนลำบาก อาจมีอาการบางอย่างที่เกิดร่วมด้วย

รวมถึง

  • น้ำลายไหลและไม่สามารถควบคุมได้
  • เสียงแหบ
  • รู้สึกมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ
  • สำรอกอาหาร
  • ซูบผอมลงจนผิดปกติ
  • แสบร้อนกลางอก
  • ไอ หรือสำลักในขณะที่กำลังกลืน
  • รู้สึกเจ็บในขณะที่กลืน
  • เคี้ยวอาหารแข็งๆ ลำบาก

ความรู้สึกเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการกินอาหาร งดอาหารบางมื้อ หรือเบื่ออาหาร

เด็กที่มีภาวะกลืนลำบาก เมื่อกินอาหารอาจจะ

  • ปฏิเสธที่จะกินอาหารบางชนิด

  • มีอาหารหรือของเหลวรั่วออกจากปาก

  • สำรอกระหว่างมื้ออาหาร

  • หายใจลำบากขณะรับประทานอาหาร

  • น้ำหนักลดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนัก

การวินิจฉัย

บอกรายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้น รวมถึงเวลาที่เริ่มสังเกตพบอาการให้แพทย์รับทราบ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจสอบภายในช่องปากเพื่อดูความผิดปกติ หรืออาการบวม

บางครั้งอาจทำการตรวจสอบด้วยวิธีพิเศษ เพื่อจะได้หาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอาการดังกล่าวนี้

การทำ เอ็กซเรย์แบเรี่ยม Barium X-ray

โดยปกติการตรวจสอบความผิดปกติและการอุดตันภายในหลอดอาหารส่วนใหญ่จะใช้วิธีตรวจสอบด้วยวิธี เอ็กซเรย์แบเรี่ยม ระหว่างการตรวจแพทย์จะให้กลืนของเหลวหรือยาที่มีสีย้อม ทำให้แพทย์เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนในช่องท้องบนภาพเอ็กซ์เรย์ได้มากขึ้น และทำให้เห็นภาพการทำงานในของหลอดอาหารในขณะที่กลืน ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นจุดอ่อน หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น

การประเมินอาการด้วยวิธี วิดีโอฟลูโอรโสโคปี เป็นการตรวจทางรังสีวิทยาที่ใช้รังสีเอ็กซ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า ฟลูโอโรสโคปี การตรวจวิธีนี้จะทำโดยนักอรรถบำบัด ( Speech-language pathologist) วิธีนี้จะทำให้มองเห็นขั้นตอนของการกลืนตั้งแต่ปาก คอหอยและหลอดอาหาร โดยแพทย์จะให้กลืนอาหารที่มีความแตกต่างกันตั้งแต่น้ำซุบที่มีความข้นจนถึงอาหารที่แข็ง หรือของเหลวที่ไม่ข้นมากนักจนถึงข้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตรวจสอบได้ว่า มีของเหลวไหลเข้าไปในหลอดลมในขณะที่กลืนอาหารหรือไม่ และจะใช้รายละเอียดเหล่านี้ในการวินิจฉัยว่ามีกล้ามเนื้อในหลอดอาหารส่วนใดอ่อนแอหรือมีความผิดปกติ

การส่องกล้อง

อาจใช้การส่องกล้องเพื่อตรวจดูภายในบริเวณของหลอดอาหารทุกส่วน ในระหว่างการตรวจนี้ แพทย์จะสอดท่อที่มีความยืดหยุ่นและบางมากเข้าไปในหลอดอาหารพร้อมกับกล้อง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แพทย์มองเห็นภายในหลอดอาหารได้ละเอียดและชัดเจนในทุกบริเวณ

เครื่องตรวจการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร (Manometry)

manometry เป็นการทดสอบแบบรุกล้ำอีกวิธีหนึ่งที่สามารถใช้ตรวจสอบภายในลำคอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบนี้จะตรวจสอบความดันของกล้ามเนื้อในลำคอขณะที่กลืน แพทย์จะสอดท่อเข้าไปในหลอดอาหารเพื่อวัดความดันของกล้ามเนื้อในขณะหดตัว

การรักษาอาการกลืนลำบาก

การกลืนลำบากบางอย่างสามารถป้องกันได้ และการรักษาอาการกลืนลำบากเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น นักอรรถบำบัด (นักแก้ไขการพูด) จะทำการประเมินอาการที่เกิดขึ้น หลังจากนั้น อาจให้แนะนำในการปฏิบัติตัว ดังนี้ :

  • ปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสม

  • ฝึกการกลืน เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการกลืนแข็งแรงขึ้น

  • หาวิธีการที่ใช้ชดเชยการกลืนอาหาร

  • ปร้บเปลี่ยนท่าทางของร่างกายในขณะกินอาหาร

อย่างไรก็ตาม หากอาการกลืนลำบากยังคงไม่หายไป อาจจะมีผลทำให้ขาดสารอาหารและร่างกายขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและผู้สูงอายุ และอาจมีผลทำให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจและปวดบวม ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรีบทำการรักษาเนื่องจากมีความร้ายแรงและมีอันตรายต่อชีวิต

หากการกลืนลำบากเกิดจากหลอดอาหารตีบ การรักษาจะทำด้วยวิธีการที่เรียกว่า การขยายหลอดอาหารโดยการใช้บอลลูนขยายหลอดลม วิธีการคือการใช้บอลลูนลูกเล็กๆ สอดเข้าไปในหลอดอาหารเพื่อให้หลอดอาหารขยายตัวออก และนำเอาบอลลูนออกเมื่อสิ้นสุดการรักษาแล้ว

หากมีสิ่งผิดปกติในหลอดอาการ อาจใช้การผ่าตัดนำสิ่งผิดปกตินั้นออก เข่น การผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อออกไป

หากมีอาการกรดไหลย้อนหรือมีแผล แพทย์อาจรักษาโดยการให้ยา และแนะนำให้กินอาหารที่ไม่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและให้อาหารทางท่อส่งอาหาร ซึ่งท่อส่งอาหารนี้ เป็นท่อพิเศษที่ส่งอาหารตรงลงไปที่กระเพาะอาหารโดยการสอดผ่านหลอดอาหารลงไป ซึ่งอาหารที่ส่งผ่านท่อส่งนี้จะเป็นอาหารที่มีการดัดแปลงให้สามารถส่งผ่านท่อส่งนี้ได้ และจะให้อาหารด้วยวิธีดังกล่าวนี้จนกว่าการรักษาจะเสร็จสิ้น ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ จะช่วยป้องกันสภาวะการขาดน้ำและสารอาหารในผู้ป่วยที่มีการรุนแรง

การป้องกันอาการกลืนลำบาก

การป้องกันภาวะกลืนลำบากหรือการกลืนลำบากเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวมให้ดี แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ทุกกรณีของภาวะกลืนลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกี่ยวข้องกับสภาวะทางการแพทย์หรือความชราภาพ แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณสามารถปฏิบัติตามเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะกลืนลำบากได้:
  • รักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี:

      • แปรงฟันเป็นประจำและใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์
      • ใช้ไหมขัดฟันทุกวันเพื่อขจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์
      • ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและทำความสะอาดเป็นประจำ
  • รักษาความชุ่มชื้น:

      • ดื่มน้ำปริมาณมากเพื่อให้คอและปากของคุณชุ่มชื้น
  • อาหารที่สมดุล:

      • รับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยผักผลไม้ โปรตีนไร้ไขมัน และธัญพืชไม่ขัดสีเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
      • หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสเผ็ดหรือร้อนจัดมากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ระคายเคืองคอได้
  • เทคนิคการเคี้ยวและกลืน:

      • เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเพื่อให้ผ่านหลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
      • ใช้เวลาของคุณในขณะรับประทานอาหารและหลีกเลี่ยงการรีบทานอาหาร
      • หลีกเลี่ยงการพูดหรือหัวเราะจนเต็มปาก เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะสำลักได้
  • การวางตำแหน่งร่างกายที่เหมาะสม:

      • นั่งตัวตรงขณะรับประทานอาหารเพื่อให้แรงโน้มถ่วงช่วยในกระบวนการกลืน
      • หลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังรับประทานอาหาร เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสำลักได้
  • การจัดการยา:

      • หากคุณกำลังใช้ยา ให้ปรึกษาปัญหาการกลืนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
      • ถามเกี่ยวกับรูปแบบยาอื่นๆ (เช่น แบบของเหลว แบบบด) ว่าการกลืนยาเป็นเรื่องยากหรือไม่
  • แอลกอฮอล์และยาสูบ:

      • จำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาคอและหลอดอาหารได้
  • ออกกำลังกาย:

      • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพโดยรวมและลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการกลืนลำบากได้
  • จัดการสภาวะสุขภาพที่สำคัญ:

      • หากคุณมีภาวะต่างๆ เช่น กรดไหลย้อน โรคกรดไหลย้อน  หรือโรคภูมิแพ้ ให้จัดการอย่างมีประสิทธิภาพโดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อลดการระคายเคืองในหลอดอาหาร
  • ไปพบแพทย์ทันที:

    • หากคุณประสบกับอาการปวดคออย่างต่อเนื่อง กลืนลำบาก หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำคอหรือหลอดอาหาร ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวินิจฉัยโรค
โปรดจำไว้ว่ากลยุทธ์การป้องกันอาจไม่ได้ผลกับภาวะกลืนลำบากทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดจากสภาวะทางระบบประสาทหรือความผิดปกติของโครงสร้าง หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักประสบปัญหาในการกลืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ารับการประเมินจากแพทย์และการรักษาโดยเร็วที่สุดเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงและพัฒนาแผนการจัดการ การแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับบุคคลที่มีอาการกลืนลำบาก

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dysphagia/symptoms-causes/syc-20372028

  • https://www.nhs.uk/conditions/swallowing-problems-dysphagia/

  • https://www.webmd.com/digestive-disorders/swallowing-problems

  • https://www.nidcd.nih.gov/health/dysphagia


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด