ฟันบิ่น (Chipped Tooth) : สาเหตุ อาการ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
ฟันบิ่น
ฟันบิ่น (Chipped Tooth) มีสาเหตุมาจากเคลือบฟันที่ปกคลุมอยู่ด้านนอกสุดของฟันเป็นส่วนที่มีความแข็งแรงมากที่สุดส่วนหนึ่งของร่างกาย ถูกแรงอัดหรือเมื่อมีการสึกหรอเสื่อมสภาพก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ฟันบิ่นได้ รอยบิ่นทำให้พื้นผิวของฟันไม่เรียบเนียน มีลักษณะแหลม มีฟันผิดรูป

อาการของฟันบิ่น

หากการบิ่นเกิดขึ้นเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและไม่ใช่ฟันซี่ที่อยู่ด้านหน้า คุณอาจไม่มีทางรู้ได้เลย เมื่อคุณมีอาการนั้นอาจเป็นอาการต่างๆดังต่อไปนี้:
  • รู้สึกว่าฟันแหลมคมเมื่อลิ้นไปสัมผัสโดน
  • การระคายเคืองของเหงือกรอบๆบริเวณที่เกิดฟันบิ่น
  • การระคายเคืองลิ้นจากการสัมผัสขอบฟันที่สากและขรุขระ
  • มีอาการเจ็บเมื่อเคี้ยวอาหารหรือกัดฟัน และอาจรู้สึกปวดมากหากฟันที่บิ่นอยู่ใกล้เส้นประสาทฟัน

สาเหตุที่ทำให้ฟันบิ่น

ฟันบิ่นเกิดหลายจากหลายสาเหตุ สาเหตุทั่วๆไปเช่น :
  • การกัดของที่มีลักษณะแข็งอย่างเช่นน้ำแข็งหรือลูกอม
  • การหกล้มหรือการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
  • การเล่นกีฬาที่ต้องปะทะกันโดยไม่ได้ใส่ฟันยางป้องกัน
  • การนอนกัดฟัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฟันบิ่น

ฟันที่อ่อนแอมักเสี่ยงเกิดฟันแตกได้มากกว่าฟันที่แข็งแรง ปัจจัยที่ทำให้ฟันอ่อนแอเช่น:
  • ฟันผุและฟันเป็นโพรง การอุดโพรงฟันขนาดใหญ่จะทำให้ตัวเคลือบฟันเสียหาย 
  • การกัดฟันทำให้เคลือบฟันสึกหรอ
  • การรับประทานอาหารที่มีกรดอย่างเช่นน้ำผลไม้ กาแฟและอาหารรสจัดสามารถทำความเสียหายให้เคลือบฟัน และทำหน้าผิวหน้าฟันง่ายต่อการถูกทำลาย
  • ภาวะกรดไหลย้อนหรืออาการแสบร้อนกลางอก ปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยทำให้กรดในกระเพาะอาหารย้อนออกมาทางปากและทำลายเคลือบฟัน
  • กลุ่มโรคการกินผิดปกติหรือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจนทำให้อาเจียนออกมาบ่อยครั้ง ทำให้กรดไปกัดกร่อนเคลือบฟันเสียหาย
  • การสะสมของแบคทีเรียที่เกิดจากน้ำตา
  • เคลือบฟันเสื่อมสภาพตามเวลา คนที่อายุมากกว่า50ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงที่เคลือบฟันจะอ่อนแอมากขึ้น จากการศึกษาของ Journal of Endodonticsพบว่า2ใน3ของคนที่ฟันบิ่นมีอายุมากกว่า50ปี

ฟันแบบใดที่มีความเสี่ยง

ฟันที่อ่อนแอเป็นฟันที่มีความเสี่ยง แต่จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าฟันกรามล่างซี่ที่สองมีความเสี่ยงสูงเพราะเป็นซี่ที่ต้องรับแรงกระแทกจากการเคี้ยวมากที่สุด และฟันที่ผ่านการอุดมามีแนวโน้มที่จะบิ่นได้ง่าย

การวินิจฉัยฟันบิ่น

ทันตแพทย์สามารถวินิจฉัยอาการฟันบิ่นได้ด้วยการตรวจช่องปากและฟัน โดยจะประเมินจากลักษณะอาการและสอบถามพฤติกรรมของผู้ป่วยถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยบิ่น

ทางเลือกในการรักษาฟันบิ่น

การรักษาฟันบิ่นขึ้นอยู่กับตำแหน่งซี่ฟัน ระดับความรุนแรงและอาการที่เกิดขึ้น หากยังไม่พบว่ามีอาการปวดที่รุนแรงจนทำให้ไม่สามารถรับประทานได้หรือไม่สามารถนอนหลับได้ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ แต่ผู้ป่วยก็ควรรีบนัดแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อหรือความเสียหายของฟันในอนาคต ฟันบิ่นเล็กน้อยอาจใช้วิธีการรักษาง่ายๆอย่างการกรอฟันหรือขัดฟัน อาการฟันบิ่นที่เป็นในวงกว้างแพทย์อาจให้คำแนะนำดังต่อไปนี้

การนำฟันส่วนที่แตกกลับมาติดใหม่

หากพบเศษที่แตกออกมาให้ผู้ป่วยนำไปแช่ไว้ในนม แคลเซียมจากนมจะช่วยให้เศษฟันคงสภาพที่เหมาะสมต่อการนำกลับมาติด ในกรณีที่ไม่มีนม ให้ผู้ป่วยเหน็บเศษฟันนั้นไว้ระหว่างเหงือกกับกระพุ้งแก้ม ต้องแน่ใจว่าจะไม่กลืนมันลงไปด้วย จากนั้นให้รีบไปพบทันตแพทย์เพื่อติดเศษฟันกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง

การอุดฟันด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟัน

ด้วยวัสดุอุดฟันอย่างพลาสติกเรซิ่นหรือเซรามิค พอร์ชเลน นำมายึดเกาะกับฟันซี่ดังกล่าวและตกแต่งรูปร่างให้เหมือนฟันจริง จากนั้นจะฉายแสงอัลตราไวโอเลตเพื่อให้วัสดุอุดฟันแห้งและแข็งตัว หลังจากแห้งแล้วรูปทรงของฟันก็จะคงรูปติดอยูกับฟัน การอุดฟันชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานประมาณ10ปี

การทำวีเนียร์

ขั้นตอนการทำวีเนียร์คือทันตแพทย์จะกรอผิวชั้นเคลือบฟันประมาณ0.3-1.2มิลลิเมตรออกก่อน ทันตแพทย์จะพิมพ์แบบฟันเพื่อส่งไปทำวีเนียร์ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวทันตแพทย์อาจจะติดวีเนียร์ชั่วคราวไว้ให้ เมื่อวีเนียร์ถาวรพร้อมแพทย์จะทำงานติดเข้ากับฟันจริง  วีเนียร์มีอายุการใช้งานนานถึงประมาณ30ปี

การซ่อมแซมทันตกรรมแบบออนเลย์

หากรอยบิ่นที่ฟันที่เกิดขึ้นมีผลกระทบในการบดเคี้ยวอาหารบ่อยๆอย่างบริเวณผิวหน้าฟันกราม ทันตแพทย์อาจแนะนำให้รับการรักษาด้วยวิธีนี้  ทันตแพทย์จะพิมพ์แบบฟันเพื่อสร้างออนเลย์ในห้องปฏิบัติการ หลังออนเลย์เสร็จสมบูรณ์ทันตแพทย์จะนำมาใช้อุดฟันซี่ที่มีปัญหา ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทันตแพทย์สามารถทำออนเลย์ได้และติดมันได้ในวันเดียวกันเลย การซ่อมแซมทันตกรรมแบบออนเลย์สามารถอยู่ได้นานราว10ปี แต่ความคงทนของออนเลย์นั้นขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารเองด้วย  หากคุณรับประทานอาหารที่ส่งผลให้ออนเลย์เสื่อมสภาพง่ายหรือใช้ฟันซี่ที่ติดออนเลย์ในการบดเคี้ยวอาหารบ่อยๆก็อาจทำให้ออนเลย์สึกหรอได้ง่าย

การดูแลตนเองสำหรับฟันบิ่น

ในระหว่างรอพบทันตแพทย์เพื่อซ่อมแซมฟันบิ่น ผู้ป่วยอาจต้องลดอาการบาดเจ็บของฟันตนเองก่อนไปพบทันตแพทย์ดังนี้
  • ทำอุปรณ์ชั่วคราวใส่ทดแทนด้วยวัสดุเช่น ถุงชา หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล แวกซ์สำหรับฟันคลุมฟันที่แหลมคมไว้เพื่อป้องกันลิ้นกับเหงือกของผู้ป่วยเอง
  • รับประทานยาแก้ปวดเช่นไอบูโรเฟน(Advil, Motrin IB)หากมีอาการปวด
  • ประคบน้ำแข็งบนแก้มด้านนอกหากรอยบิ่นฟันทำให้บริเวณดังกล่าวระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ฟันซี่ที่บิ่นในการเคี้ยวอาหาร
  • อมน้ำมันกานพลูรอบๆบริเวณที่เหงือกมีอาการปวดเพื่อให้บริเวณดังกล่าวชา
  • ใส่ยางกันกระแทกสำหรับฟันเมื่อต้องเล่นกีฬาหรือใส่ตอนนอนหากคุณนอนกัดฟัน

ภาวะแทรกซ้อนของฟันบิ่น

หากรอยบิ่นขยายวงกว้างจนส่งผลกระทบต่อรากฟัน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ การดูแลรากฟันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ และนี่คืออาการของภาวะติดเชื้อ
  • ปวดฟันขณะรับประทานอาหาร
  • เสียวฟันเมื่อกินอาหารร้อนหรือเย็น
  • มีไข้สูง
  • มีกลิ่นปากและกลิ่นเปรี้ยวภายในปาก
  • มีต่อมน้ำเหลืองบวมบริเวณคอหรือกราม
ฟันบิ่นเป็นอาการบาดเจ็บทางทันตกรรมทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีอาการปวดที่มีนัยสำคัญ และสามารถรักษาได้อย่างดีโดยการดูแลทางทันตกรรมมากมายหลายรูปแบบ แม้อาการฟันบิ่นจะไม่ใช่อาการที่จำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วนก็ตาม ผู้ป่วยเองก็ควรรีบไปรับการรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆตามมา

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด