หลอดลมอักเสบ (Bronchitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา
หลอดลมอักเสบ (Bronchitis) คือการที่หลอดลมซึ่งหน้าที่ส่งลมไปยังปอด เมื่อหลอดลมเกิดอาการอักเสบ จะทำให้เกิดเสมหะในหลอดลม ทำให้เกิดอาการไอ หายใจสั้นๆ และมีไข้ต่ำๆ
หลอดลมอักเสบสามารถเป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง :
- หลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน โดยทั่วไปแล้วอาการหลอดลมอักเสบจะเกิดขึ้นน้อยกว่า 10 วัน แต่อาการไอสามารถเกิดขึ้นได้ต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกเป็นสัปดาห์
- หลอดลมอักเสบแบบเรื้อรัง อาการนี้จะคงอยู่นานหลายสัปดาห์ และสามารถกลับมาเป็นได้อีก พบในผู้ป่วยโรคหอบหืดหรือถุงลมโป่งพอง
อาการหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน
อาการหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลันในระยะแรก จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัด
อาการทั่วไป
ประกอบไปด้วย:
- น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ
- เมื่อยล้า
- จาม(sneeze)
- หายใจเสียงดัง
- รู้สึกหนาว
- ปวดหลังและกล้ามเนื้อ
- มีไข้ 37.7 ° C ถึง 38 ° C
ภายหลังการติดเชื้อระยะแยก อาจจะเริ่มมีออาการไอแห้งๆ หลังจากนั้นจะเริ่มมีเสมหะ การไอแบบมีเสมหะนั้นแสดงถึงว่าหลอดลมอักเสบแล้ว และจะเป็นไปต่อเนื่อง 10 วัน หรืออาจจะนานถึง 3 สัปดาห์
อาการอื่นๆที่สำคัญคือสีของเสมหะจะเปลี่ยนจากขาวใสไปเป็นเขียวหรือเหลือง อาการนี้ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่เป็นการบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นกำลังทำงาน
อาการที่ต้องได้รับการรักษาโดยทันที
ผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้ ต้องเข้ารับการรักษาโดยทันที:
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ไออย่างรุนแรง
- หายใจติดขัด
- เจ็บหน้าอก
- มีไข้สูงกว่า 38°C
- ไอยาวนานกว่า 10 วัน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
สาเหตุของหลอดลมอักเสบ
สาเหตุของหลอดลมอักเสบประกอบไปด้วย การติดเชื้อจากไวรัสหรือแบคทีเรีย ปัจจัยทางสภาพแวดล้อม รวมถึงสุขภาพของปอด
ไวรัสเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อ 85 – 95 เปอร์เซ็นต์ของหลอดลมอักเสบในผู้ใหญ่ และสามารถทำให้เกิดอาการไข้หวัดร่วมด้วยกับหลอดลมอักเสบ
การติดเชื้อจากแบคทีเรียพบได้ค่อนข้างน้อยมาก การติดเชื้อจากแบคทีเรียสามารถพัฒนาจากการติดเชื้อจากไวรัสได้ แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในหลอดลมได้แก่ Mycoplasma pneumoniae, Chlamydia pneumoniae, และ Bordetella pertussis
หลอดลมอักเสบจากสารระคายเคือง เกิดจากการหายใจนำสารระคายเคือง เช่ นควันหมอก หรือควันสารเคมี เข้าไป ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดลมและอาจนำไปสู่อาการหลอดลมอักเสบโดยเฉียบพลัน
ผู้ที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรังหรือโรคหอบหืด สามารถนำไปสู่อาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบจากกรณีนี้ไม่ใช่โรคติดต่อเพราะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
ปัจจัยเสี่ยงของหลอดลมอักเสบ
ประกอบไปด้วย:
- สูดดมควันบุหรี่
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- กรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร
- การสัมผัสกับสารระคายเคืองบ่อยครั้ง อาจจะเป็นควัน ฝุ่น หรือไอสารเคมี
- ไม่ได้รับการฉีดวัคซี สำหรับไข้หวัด ปอดบวมและไอ
- อายุมากกว่า 50 ปี
การวินิจฉัยหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน
หลายครั้งที่อาการหลอดลมอักเสบสามารถหายได้โดยไม่ต้องได้รับการรักษา แต่หากคุณเข้ารับการรักษาแพทย์จะเริ่มการตรวจร่างกายโดยทั่วไป
การตรวจร่างกายโดยทั่วไปได้แก่ การฟังเสียงปอดขณะที่ผู้ป่วยหายใจ เพื่อฟังว่ามีเสียงหายใจดังหรือไม่ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการไอว่ามีความรุนแรง หรือความถี่อย่างไรบ้าง รวมถึงถามเกี่ยวข้องกับสุขภาพก่อนหน้า เช่น เป็นไข้หวัดมาก่อนหรือไม่ มีปัญหาเกี่ยวกับหายใจหรือไม่ เป็นต้น
หากแพทย์ไม่แน่ใจเกี่ยวกับวินิจฉัย อาจจะใช้การเอ็กซเรย์ปอดร่วมด้วยเพื่อตรวจสอบว่า ผู้ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบหรือไม่ และอาจจะตรวจสอบเลือดเพื่อทดสอบการติดเชื้ออื่นๆ
วิธีรักษาหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน
หากหลอดลมอักเสบอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำวีธีการรักษาด้วยตนเอง
การดูแลรักษาด้วยตนเอง
ขั้นตอนดังต่อไปนี้จะช่วยให้อาการหลอดลมอักเสบของคุณดีขึ้น
- ทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน Ibuprofen (Advil) และ นาพร็อกเซน (Aleve, Naprosyn) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอของคุณ
- สร้างความชื้นในบรรยากาศรอบๆ วิธีนี้จะช่วยคลายเมือกในจมูกและอกของผู้ป่วย ทำให้หายใจง่ายขึ้น
- ดื่มของเหลวมาก ๆ เช่น น้ำหรือน้ำชา เพื่อทำให้เสมหะลดลง
- ใส่ขิงลงในชาหรือน้ำร้อน ขิงเป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติที่สามารถลดอาการหลอดลมอักเสบและอาการระคายเคือง
- กินน้ำผึ้ง เพื่อบรรเทาอาการไอ ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านไวรัสและแบคทีเรีย
หากกำลังมองหาที่จะลองวิธีการรักษา การดื่มชาผสมขิง หรือกินน้ำผึ้ง จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น เคล็ดลับเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการส่วนใหญ่ได้ แต่ถ้าผู้ป่วยหายใจดังเสียงฮืด ๆ หรือมีปัญหาในการหายใจให้พบแพทย์โดยทันที แพทย์อาจจะให้ยาสูดดมเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น
การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญ ยาปฏิชีวนะนั้นไม่แนะนำใช้ในผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เนื่องจากการอักเสบส่วนใหญ่ เกิดจากไวรัสและยาปฏิชีวนะไม่ออกฤทธิ์กับไวรัสดังนั้นยาปฎิชีวนะจะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตามหากมีอาการหลอดลมอักเสบ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นโรคปอดอักเสบ แพทย์อาจจะให้ยาปฏิชีวนะเมื่อคุณมีอาการไข้ร่วมด้วย อาการหลอดลมอักเสบสามารถพัฒนาไปเป็นปอดอักเสบได้ และยาปฏิชีวนะสามารถช่วยป้องกันการเกิดขึ้นได้
หลอดลมอักเสบเป็นโรคติดต่อหรือไม่
โรคหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลันถือว่าเป็นโรคติดต่อ เนื่องจากมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้ ผ่านละอองสารคัดหลั่งจากการจามและไอขณะที่กำลังพูดคุยกัน
หลอดลมอักเสบแบบเรื้อรังนั้นไม่ถือเป็นโรคติดต่อ เนื่องจากไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ แต่การอักเสบเกิดจากการสัมผัสสารระคายเคืองในระยะยาว เช่น ควันบุหรี่ ดังนั้นจะไม่สามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้
ภาพรวมและการป้องกันหลอดลมอักเสบ
อาการหลอดลมอักเสบนั้นสามารถหายเองได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าผู้ป่วยได้รับการติดเชื้อจะทำให้ยืดเวลาอาการหลอดลมอักเสบต่อไป
โรคหลอดลมอักเสบนั้นไม่มีวิธีการป้องกันที่ทำให้ 100% เพราะสาเหตุของอาการอักเสบนั้นมีหลากหลาย อย่างไรก็ตามคุณสามารถลดความเสี่ยงได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
- นอนหลับให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสปาก จมูกหรือตากับผู้ป่วยหลอดลมอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แว่นตาหรือช้อนส้อม
- ล้างมือให้สะอาดและสม่ำเสมอ
- เลิกสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการสูดดม
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
- รับวัคซีนสำหรับไข้หวัด(common cold) ปอดบวม(pnuemania)และไอ(cough)
- งดการสัมผัสกับสารระคายเคืองในอากาศ เช่น ฝุ่น ควันสารเคมีและมลพิษอื่น โดยใช้การสวมหน้ากากป้องกัน
หาผู้ป่วยมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอจากปัญหาด้านสุขภาพ หรืออายุที่มากขึ้น ควรจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงอาการหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน เนื่องจากสามารถพัฒนาเป็นระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือปอดอักเสบ การทำตามคำแนะนำด้านบนสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นหลอดลมอักเสบได้
นี่คือลิงค์แหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bronchitis/symptoms-causes/syc-20355566
- https://www.webmd.com/lung/understanding-bronchitis-basics
- https://www.nhs.uk/conditions/bronchitis/
- https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/bronchitis
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team