ผึ้งต่อย (Bee sting) : อาการ การรักษา การป้องกัน วิธีแก้ผึ้งต่อย

การโดนผึ้งต่อย

ผึ้งต่อย (Bee sting) สำหรับคนทั่วไป การโดนผึ้งต่อย อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ อาจจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ หากคนที่ถูกต่อยนั้นไม่ได้แพ้พิษของผึ้ง การโดนผึ้งต่อย ผึ้งนั้นจะทิ้งเหล็กในที่คล้ายเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง ซึ่งจะทำให้มีอาการปวด บวม แดง ร้อนและคันที่บริเวณที่โดนผึ้งต่อย แต่มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง หากคุณมีอาการแพ้ผึ้งต่อย หรือมีอาจโดนผึ้งต่อยหลายจุด จนมีปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อผึ้งต่อยคุณได้แล้ว มันจะปล่อยเหล็กในออกมาที่ผิวของคุณ และผึ้งก็จะตายทันทีหลังจากที่ต่อยเสร็จ  ผึ้งที่ผลิตน้ำผึ้งนั้น เป็นผึ้งชนิดเดียวที่ตายหลังจากที่ต่อยเสร็จแล้ว ตัวต่อและแมลงชนิดอื่นๆมักจะไม่เป็นอะไรหลังต่อย และพวกมันอาจจะต่อยคุณได้มากกว่า 1 ครั้ง หากผึ้งต่อยคุณ มันจะปล่อยพิษผึ้งออกมา ซึ่งทำให้คุณมีอาการเจ็บปวดได้ และบางคนอาจมีอาการแพ้พิษผึ้งที่ต่อยด้วย Bee sting

อาการของผึ้งต่อย

อาการแพ้ผึ้งต่อยนั้น อาจมีอาการบวม แดงรุนแรงขึ้นในบริเวณที่คุณโดนผึ้งต่อย อาการแพ้ผึ้งต่อยที่รุนแรงอาจแสดงอาการออกมาได้ดังนี้: หากคุณมีอาการแพ้ผึ้งต่อยอย่างรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง รีบพบแพทย์ทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งคุณอาจมีอาการแพ้อย่างรุนแรงซึ่งเป็นอาการแพ้ที่อันตรายที่ถึงชีวิตได้

อาการแพ้ผึ้งต่อยอย่างรุนแรง

อาการแพ้อย่างรุนแรง (anaphylaxis) ต่อเหล็กในของผึ้ง อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและจำเป็นต้องได้รับการรักษาในกรณีฉุกเฉิน คนส่วนน้อยที่ถูกผึ้งหรือแมลงอื่นๆ ต่อยจะเกิดภาวะภูมิแพ้อย่างรวดเร็ว สัญญาณและอาการของโรคภูมิแพ้รวมถึง:
  • ปฏิกิริยาทางผิวหนัง ได้แก่ ลมพิษและอาการคัน และผิวแดงหรือซีด
  • หายใจลำบาก
  • อาการบวมที่คอและลิ้น
  • ชีพจรอ่อนและเร็ว
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง
  • เวียนศีรษะหรือเป็นลม
  • การสูญเสียสติ
ผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อเหล็กในของผึ้งมีโอกาส 25% ถึง 65% ที่จะเกิดแอนาฟิแล็กซิสเมื่อถูกต่อยครั้งต่อไป พูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ของคุณเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน เช่น การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน (“การฉีดยาภูมิแพ้”) เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาที่คล้ายคลึงกันในกรณีที่คุณถูกต่อยอีกครั้ง

ผึ้งต่อยหลายตัว

โดยทั่วไปแล้ว แมลงต่างๆ เช่น ผึ้งและตัวต่อไม่ก้าวร้าวและต่อยเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ในกรณีส่วนใหญ่ จะส่งผลให้เกิดการถูกต่อยเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ในบางกรณี คนๆ หนึ่งจะรบกวนรังผึ้งหรือฝูงผึ้งและถูกเหล็กไนหลายตัว ผึ้งบางประเภท เช่น ผึ้งแอฟริกา มีแนวโน้มมากกว่าผึ้งอื่นๆ ที่จะรุมต่อยเป็นกลุ่ม หากคุณถูกต่อยมากกว่า 12 ครั้ง การสะสมของพิษอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษและทำให้คุณรู้สึกไม่สบายได้ อาการและอาการแสดงรวมถึง:
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง
  • ปวดศีรษะ
  • ความรู้สึกของการหมุน (เวียนศีรษะ)
  • ชัก
  • ไข้
  • เวียนศีรษะหรือเป็นลม
การถูกเหล็กในหลายๆ ครั้งอาจเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือการหายใจ

เมื่อไรควรไปพบแพทย์

ในกรณีส่วนใหญ่ ผึ้งต่อยไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ ในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น คุณจะต้องได้รับการดูแลทันที ไปพบแพทย์ทันทีหากคุณถูกผึ้งต่อยและมีเหล็กไนหลายจุด นัดพบแพทย์ของคุณหาก:
  • อาการผึ้งต่อยไม่หายไปภายในสองสามวัน
  • คุณเคยมีอาการอื่นๆ ของการตอบสนองต่อการแพ้ต่อผึ้งต่อย

วิธีแก้ผึ้งต่อย

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีอาการแพ้ผึ้งต่อย หรืออาการแพ้พิษผึ้งต่อยที่รุนแรง แต่คุณก็สามารถใช้วิธีแก้ผึ้งต่อยได้ที่บ้าน หากผึ้งได้ต่อยคุณ ให้รีบนำเอาเหล็กในจากผึ้งออกมาจากผิวหนังโดยทันที โดยใช้นิ้วของคุณหรือขอบบัตรเครดิตบีบให้เหล็กในออกมา วิธีนี้สามารถช่วยลดพิษผึ้งออกจากผิวของคุณได้ ล้างบริเวณแผลที่โดนต่อยด้วยสบู่และน้ำ และนำน้ำแข็งมาประคบ เพื่อลดอาการบวมซึ่งเป็นวิธีแก้พิษผึ้งต่อยที่มีประสิทธิภาพมาก  ส่วนใหญ่วิธีแก้ผึ้งต่อยที่บ้าน มักจะไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่วิธีแก้ผึ้งต่อยเหล่านี้ ก็ถูกถ่ายทอดมาแล้วชั่วอายุคน วิธีแก้ผึ้งต่อยเหล่านี้ สามารถช่วยบรรเทาอาการที่โดนผึ้งต่อยได้:

น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งช่วยรักษาอาการแผลที่ปวดและคันได้ วิธีแก้ผึ้งต่อยโดยใช้น้ำผึ้ง ให้ใช้น้ำผึ้งเล็กน้อยทาลงผิวที่เกิดอาการ และพันด้วยผ้าพันแผล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

เบ้กกิ้งโซดา

วิธีแก้พิษผึ้งต่อยโดยใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำช่วยลดอาการเจ็บปวด คันและบวมจากพิษผึ้ง นำเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำ ทาบนผิวและพันด้วยผ้าพันแผล ทิ้งไว้ 15 นาที และทำใหม่ตามที่ต้องการ

น้ำส้มสายชูหรือแอปเปิ้ลไซเดอร์

น้ำส้มสายชูอาจแก้พิษผึ้งต่อยได้ โดยสามารถแช่บริเวณที่โดนผึ้งต่อยหรือใช้ผ้าที่ชุบน้ำส้มสายชูมาพันบริเวณที่โดนผึ้งต่อย และทิ้งไว้ 15 นาที จะช่วยลดพิษผึ้งได้

ใช้ยาแอสไพรินแบบเปียก

เป็นวิธีแก้ผึ้งต่อยที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งลดอาการปวด และบวมจากผึ้งต่อย โดยการรับประทานยาแอสไพริน หรือทายาแอสไพรินแบบเปียกลงบนบริเวณที่ผึ้งต่อย 

สมุนไพรและน้ำมัน

สมุนไพรเหล่านี้ มีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลและช่วยบรรเทาอาการจากการโดนผึ้งต่อย มีดังนี้:
  • ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติทำให้ผิวผ่อนคลาย และบรรเทาอาการปวด ถ้าคุณมีว่านหางจระเข้ที่บ้าน ให้ตัดและบีบเอาเจลออกมา ประกบกับแผลที่ผึ้งต่อย
  • น้ำมันสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ ช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการบวม โดยเจือจางน้ำมันนี้โดยหยดลงในน้ำมันธรรมชาติอื่นเช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก ผสมให้เข้ากัน และทาที่บริเวณที่ผึ้งต่อย
  • ทีทรีออยล์ เป็นยาฆ่าเชื้อที่มาจากธรรมชาติทีช่วยลดอาการบวมจากการโดนผึ้งต่อย โดยใช้ผสมกับน้ำมันธรรมชาติอื่นและหยดลงไปในบริเวณที่ผึ้งต่อย
  • วิชฮาเซล เป็นพืชสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้รักษาอาการที่ถูกสัตว์กัดต่อยได้ดี มันลดอาการอักเสบ ปวด และคันให้ลดลง ใช้ยานี้ทาลงผิวโดยตรง เพื่อรักษาอาการจากผึ้งต่อยได้ตามต้องการ 

วิธีแก้ผึ้งต่อยแบบดั้งเดิม

วิธีแก้ผึ้งต่อยแบบดั้งเดิมนั้นก็มีการใช้น้ำแข็งหรือการประคบเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและบวม ยาแก้อักเสบอย่างเช่น ยามอร์ทินหรือยาแอดวิล อาจจะช่วยรักษาอาการจากการผึ้งต่อยได้ และหากคุณมีอาการคันและแสบแดงร่วมด้วย ก็สามารถใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซล หรือ ยาคาลามายน์ หากมีอาการคันและบวมอย่างรุนแรง ให้รับประทานยาต้านฮีสทามีน เช่น ยาเบนนาดริล ซึ่งอาจจะช่าวยบรรเทาอาการลงได้ ไม่ควรเกาหรือคันบริเวณที่ผึ้งต่อย เพื่อลดความเสียงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งการเกาหรือคันนั้น ทำให้เกิดอาการคัน ผิวแสบ บวมและแดงมากขึ้น หากคุณเคยมีอาการแพ้ผึ้งต่อยอย่างรุนแรง คุณจำเป็นต้องพกยาอีพิเพนไปด้วยอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดอาการแพ้

การป้องกันการโดนผึ้งต่อย

การที่ถูกผึ้งต่อยอาจสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณได้ ไม่ว่าคุณจะมีอาการแพ้ผึ้งต่อยหรือไม่ก็ตาม อาการแพ้ผึ้งต่อยอาจเกิดขึ้นกับคุณทุกเวลาในชีวิต ถึงแม้ว่าคุณจะเคยถูกผึ้งต่อยและไม่มีอาการแพ้อะไร ซึ่งการจดบันทึกอาการแพ้ผึ้งต่อยนั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน หากคุณรู้ว่าคุณใช้ชีวิตนอกบ้าน ควรป้องกันตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการที่โดนผึ้งต่อย ได้ดังนี้:
  • อย่าเดินด้วยเท้าเปล่า
  • ห่างจากรังผึ้งเอาไว้
  • อย่าใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส หรือลายดอกไม้เพื่อเป็นการดึงดูดให้แมลงหรือผึ้งเข้ามา
  • เก็บอาหารและเครื่องดื่มให้มิดชิด
  • อย่าลดระดับหน้าต่างของรถ ในขณะที่ขับรถ
  • อย่าดื่มเครื่องดื่มที่ได้เปิดฝาไว้แล้ว
  • อยู่ให้ห่างถังขยะที่ไม่มีฝาปิด

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bee-stings/diagnosis-treatment/drc-20353874
  • https://www.samhealth.org/about-samaritan/news-search/2019/08/13/ease-the-pain-of-bee-stings
  • https://www.aad.org/public/everyday-care/injured-skin/bites/treat-bee-sting
  • https://www.webmd.com/first-aid/bee-and-wasp-stings-treatment

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด