แอจีโออีดีม่า (Angioedema) : อาการ สาเหตุ การรักษา

Angioedema คืออะไร

คือการบวมของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและอาจมีความร้ายแรง บางครั้งผิวหนังเป็นผื่นบวมนูนแดงคล้ายลมพิษ จึงมีอีกชื่อว่า “ลมพิษยักษ์”

ลมพิษคือการที่ผิวหนังคันและบวมนูน มีสีแดง ชึ่งเกิดที่ชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้

ทั้ง angioedema และ ลมพิษ เกิดจากภูมิแพ้ หรือการแพ้อาหาร ผลข้างเคียงของยาหรือการแพ้ยา หรือสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม เช่นเกสรดอกไม้ ขนสัตว์เลี้ยง และจากพิษแมลงกัด

การบวมอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด non-Hodgkin B-cell (แม้จะพบได้ยากก็ตาม)

บางบริเวณของร่างกายเช่น หนังตา ริมฝีปากและลิ้น จะไวต่อการเกิดอาการ angioedema มากกว่าบริเวณอื่น

เมื่อโรคนี้ส่งผ่านทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูก เรียกว่าภาวะ angioedema จากพันธุกรรม สาเหตุที่ทำให้เกิดอาจแตกต่างจากภาวะ angioedema ที่เกิดจากการกระตุ้นภูมิแพ้ แต่การรักษาอาการใช้วิธีเดียวกัน

ปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลัน หากรักษาอย่างเหมาะสมจะหายได้ดี และหากมีอาการน้อย อาจหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา

อาการของแองจีโออีดีม่า

อาการทั่วไปคือ ผื่นบวมแดงใต้ผิวหนัง เกิดเฉพาะที่บริเวณหรือใกล้บริเวณเท้า มือ ตา และริมฝีปาก

ในรายที่ร้ายแรง อาการบวมอาจแพร่ไปที่อวัยวะอื่นๆ อาจมีผื่นนูนแดงที่ผิวหนังหรือไม่ก็ได้

อาการอื่นๆเช่นตะคริวที่ท้อง ในรายที่หายาก อาจมีคอบวม เสียงแหบ หายใจลำบาก อาจมีอาการคันหรือไม่ก็ได้

หากมีอาการหายใจลำบาก  ในกรณีนี้ควรเรียกรถพยาบาลหรือไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นอาการร้ายแรงที่ต้องการการรักษาเร่งด่วน

Angioedema

สาเหตุของการเกิดผื่นแองจีอีโอดีม่า

Angioedema เฉียบพลัน พบได้บ่อยจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกาย ร่างกายจะหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งทำให้เส้นเลือดขยายและปล่อยของเหลวออกมานอกเส้นเลือด(ทำให้ผิวหนังบวม)

สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการ angioedema:

  • จากแมลงกัด

  • เกสรดอกไม้

  • เถาไม้มีพิษ

  • ยาง

  • ขนสัตว์

  • ยา

  • อาหารบางชนิด

ยาบางชนิดก่อให้เกิด angioedemaที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ได้ หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการเจ็บป่วย เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยบางอย่างเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเช่น

  • เคยมีอาการของ angioedema หรือ ลมพิษ

  • เคยเกิดอาการแพ้

  • ในครอบครัวมีผู้มีอาการ angioedema และลมพิษ

  • อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน

  • ความเครียด ความกังวล

  • การเจ็บป่วยบางอย่าง

การวินิจฉัยโรค

แพทย์จะตรวจร่างกายและสอบถามอาการและประวัติการเจ็บป่วย ดูบริเวณที่บวมและผื่นนูน ฟังเสียงหายใจ เพื่อดูว่ามีผลกระทบต่อลำคอหรือไม่

ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากท่านสัมผัสกับสารใดที่เคยทำให้มีอาการแพ้ เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ดีขึ้น

แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยแยกโรค เช่น ตรวจระดับโปรตีนในเลือดชนิด C1 Esterase Inhibitor(โปรตีนที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน)หากพบว่าผลผิดปกติ อาจเกี่ยวข้องกับโรคภูมิต่อต้านตนเอง

การรักษาผื่นแองจีโออีดีม่า

หากมีอาการน้อยไม่จำเป็นต้องรักษา ผู้ที่มีอาการปานกลางถึงมากอาจต้องได้รับยาเพื่อลดการบวมรุนแรง เช่น

  • epinephrine ลดปฏิกิริยาแพ้ของร่างกาย

  • ยาต้านฮีสตามีน เช่น loratadine และ cetirizine หากหาสาเหตุไม่พบ

  • ฮอร์โมน glucocorticosteroid เช่น prednisone  หรือ Solu-Medrol หากเกิดจากอาการแพ้เฉียบพลัน

การรักษาที่เฉพาะสำหรับ angioedema  จากพันธุกรรม หรือจากสิ่งกระตุ้น เช่น :

  • การให้สารยับยั้ง C1 esterase

  • ให้พลาสมา(ส่วนประกอบของเลือดที่เป็นของเหลว)

  • ยา ecallantide

  • ยา icatibant

เพื่อลดอาการ อาจใช้การ:

  • ประคบเย็นและเปียก เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น และบรรเทาอาการคัน

  • สวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายหลวมๆเพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง

 หากยาบางชนิดกระตุ้นให้เกิด  Angioedema แพทย์อาจเปลี่ยนยาให้เป็นยาขนานอื่นแทน

ภาวะแทรกซ้อนของแองจีโออีดีม่า

แองจีโออีดีม่า เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีลักษณะอาการบวมอย่างรวดเร็วของชั้นผิวหนังที่อยู่ลึกลงไป มักรอบดวงตาและริมฝีปาก รวมถึงในลำคอ มือ เท้า และอวัยวะเพศ อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น อาการแพ้ ยา ปัจจัยทางพันธุกรรม และสภาวะทางการแพทย์บางอย่าง แม้ว่าแองจิโออีดีมาจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็สามารถนำไปสู่โรคแทรกซ้อนได้ ซึ่งบางรายอาจร้ายแรงได้ ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับ แองจีโออีดีม่า คือ:
  • การอุดตันของทางเดินหายใจ: อาการบวมที่คอเนื่องจากแองจิโออีดีมาอาจทำให้หายใจลำบาก และในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจโดยสิ้นเชิง นี่เป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์และต้องมีการแทรกแซงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยสามารถหายใจได้อย่างเหมาะสม
  • ภาวะภูมิแพ้: ภาวะแองจิโออีดีมาอาจเกิดจากการแพ้อาหาร ยา แมลงกัดต่อย หรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ในบางกรณี ปฏิกิริยาการแพ้เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะภูมิแพ้เฉียบพลัน (anaphylaxis) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตซึ่งส่งผลต่อร่างกายทั้งหมด และอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงกะทันหัน หายใจลำบาก และหมดสติได้
  • การมองเห็นที่ไม่ปกติ:อาการบวมรอบดวงตาอาจส่งผลต่อการมองเห็นและทำให้รู้สึกไม่สบาย แม้ว่าจะเป็นอาการชั่วคราว แต่ก็อาจน่ากังวลว่าจะทำให้กิจกรรมประจำวันบั่นทอนหรือยังคงมีอยู่
  • ความรู้สึกไม่สบายและความเจ็บปวด:อาการบวมที่เกี่ยวข้องกับแองจิโออีดีมาอาจทำให้เจ็บปวดและไม่สบายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากส่งผลต่อข้อต่อ อวัยวะเพศ หรือบริเวณที่บอบบางอื่นๆ
  • ผลกระทบทางจิตสังคม:ภาวะแองจิโออีดีมาที่เกิดซ้ำๆ โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นบนใบหน้า อาจมีผลกระทบทางจิตสังคม ทำให้เกิดความลำบากใจ วิตกกังวล และคุณภาพชีวิตลดลง
  • การติดเชื้อทุติยภูมิ:การแตกของผิวหนังเนื่องจากการบวมอย่างรุนแรงสามารถสร้างจุดเริ่มต้นสำหรับแบคทีเรีย เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • สภาวะสุขภาพที่สำคัญ:บางครั้งแองจิโออีดีมาอาจเป็นอาการของภาวะสุขภาพที่แฝงอยู่ เช่น แองจิโออีดีมาทางพันธุกรรม (HAE) หรือแองจิโออีดีมาที่ได้รับ (AAE) เงื่อนไขเหล่านี้อาจต้องมีการจัดการและการรักษาเฉพาะ
สิ่งสำคัญคือผู้ที่มีอาการแองจิโออีดีมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดซ้ำๆ จะต้องไปพบแพทย์เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการจัดการที่เหมาะสม ในกรณีที่มีภาวะแองจิโออีดีมาอย่างรุนแรงหรือหายใจลำบาก การไปรับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินถือเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักประสบกับอาการของโรคแองจิโออีดีมา ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสม

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.nhs.uk/conditions/angioedema/causes/

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hives-and-angioedema/symptoms-causes/syc-20354908

  • https://www.allergy.org.au/patients/skin-allergy/angioedema


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด