ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ภูมิแพ้อากาศคืออะไร 

โรคภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) คือการที่ร่างกายเกิดปฎิกริยากับสารก่อภูมิแพ้ เป็นสารที่ไม่เกิดอันตรายอย่างอื่น นอกจากอาการแพ้ ภูมิแพ้อากาศหรือไข้ละอองฟางเป็นอาการภูมิแพ้ที่ตอบสนองการแพ้สารก่อให้เกิดภูมิแพ้โดยเฉพาะ ละอองเกสรดอกไม้ เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบมากที่สุดในอาการของภูมิแพ้อากาศ อาการภูมิแพ้เหล่านี้ เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนของอากาศด้วย โรคภูมิแพ้อากาศ

อาการภูมิแพ้อากาศ

อาการภูมิแพ้อากาศที่พบเจอโดยทั่วไปมีดังนี้: หลังจากที่คุณได้รับสารก่อภูมิแพ้มาแล้ว คุณจะต้องมีอาการแพ้อย่างใดอย่างหนึ่งทันที เช่น อาการปวดหัวที่กำเริบและร่างกายอ่อนล้า อาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ในระยะยาวเท่านั้น อาการไข้ไม่ใช่อาการไข้ละอองฟาง บางคนมักจะเกิดอาการที่ไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่นัก อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากที่คุณสัมผัสต่อสารก่อภูมิแพ้ที่มีมากเกินไป คนอื่นมักจะพบอาการของภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้อากาศมี 2 ประเภทคือ ภูมิแพ้ตามฤดูกาล และ ภูมิแพ้ที่เป็นได้ตลอดปี ภูมิแพ้ตามฤดูกาล ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิและมักจะเกิดกับสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากภายนอก เช่นละอองดอกไม้ ส่วนภูมิแพ้ที่เป็นได้ตลอดปี มักจะเกิดได้ตลอดปี หรือจะเป็นได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ส่วนใหญ่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้าน เช่น ขนสัตว์ ฝุ่น หรือผิวหนังของสัตว์ที่หลุดลอกออกมาตลอดปี หากคุณพบอาการภูมิแพ้มามากกว่า 1 สัปดาห์ และไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ควรไปพบแพทย์โดยทันที

สาเหตุอาการภูมิแพ้อากาศ

เมื่อร่างกายของคุณเกิดอาการภูมิแพ้อากาศ มันจะปล่อยสารฮีสตามิน ซึ่งสารเคมีจากธรรมชาติเพื่อทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ซึ่งสารเคมีนี้ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้อากาศ อาการก็มีต่อไปนี้ คืออาการน้ำมูกไหล อาการจาม และอาการคันรอบดวงตา นอกจากนี้ยังมีละอองเกสรดอกไม้แล้ว ยังมีสารก่อภูมิแพ้ดังต่อไปนี้:
  • ละอองหญ้า
  • ไรฝุ่น
  • ผิวหนังของสัตว์ที่เก่าแล้ว ซึ่งหลุดลอยออกมา
  • น้ำลายแมว
  • เชื้อรา
บางช่วงของปี ละอองดอกไม้อาจเป็นปัญหาได้ ต้นไม้และละอองเรณูของดอกไม้นั้นพบได้บ่อยในฤดูใบไม้ผลิ หญ้าและวัชพืชที่สร้างละอองเกสรดอกไม้ได้มากขึ้นในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง

การวินิจฉัยภูมิแพ้อากาศ

หากคุณมีอาการของภูมิแพ้เล็กน้อย คุณอาจต้องตรวจร่างกายเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามแพทย์ของคุณอาจทำการทดสอบบางอย่างเพื่อกำหนดแผนการรักษาและป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การวินิจฉัยหาสาเหตุภูมิแพ้อากาศโดยการสะกิดที่ผิว เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการวินิจฉัยหาโรคภูมิแพ้อากาศ แพทย์จะใช้ชุดทดสอบเพื่อหยดสารเคมีหลายอย่างไว้ที่ผิวของคุณ ซึ่งจะดูปฏิกิริยาการแพ้ว่าจะแพ้อะไร ถ้าคุณมีอาการแพ้สารเคมีจะมีจุดแดงเล็กๆปรากฎขึ้นมา การตรวจเลือดหรือการทดสอบด้วยรังสีคลื่นวิทยุ(RAST),เป็นที่นิยมมากในการวินิจฉัยหาภูมิแพ้อากาศ การวินิจฉัยแบบRAST จะวัดปริมาณของอิมมูโนโกลบูลินอีแอนติบอดี้ต่อสารก่อภูมิแพ้ในเลือดของคุณ

วิธีแก้โรคภูมิแพ้อากาศ

คุณสามารถใช้วิธีแก้ภูมิแพ้อากาศได้หลายทาง ซึ่งรวมถึงการใช้ยาแก้ภูมิแพ้อากาศที่รักษาที่บ้าน และยารักษาอื่นๆ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาชนิดใหม่เพื่อแก้อาการภูมิแพ้อากาศ

ยาต้านฮีสทามีน

คุณสามารถใช้ยาต้านฮีสทามีนเพื่อแก้อาการภูมิแพ้อากาศ มันทำงานด้วยการหยุดให้ร่างกายสร้างสารฮีสทามิน เพื่อรักษาอาการภูมิแพ้อากาศ ยาที่รักษาอาการภูมิแพ้อากาศที่ขายตามร้านขายยา ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาต้านฮีสทามีน รวมถึงยาดังต่อไปนี้ :
  • ยาลอราทาดีน (Claritin)
  • ยาไดเฟนไฮดรามีน (Benadryl)
  • ยาเดสลอราทาดีน (Clarinex)
  • ยาเฟกโซเฟนาดีน (Allegra)
  • ยาเลโวซิทีริซีน(Xyzal)
  • ยาเซริทิซิน (Zyrtec)

การใช้ยาหดหลอดเลือด

คุณสามารถใช้ยาหดหลอดเลือดในช่วงเวลาระยะสั้น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 วัน เพื่อรักษาอาการคัดจมูกและความดันของไซนัส  การใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลานาน สามารถทำให้เกิดเยื่อบุจมูกกลับมาบวมมากกว่าเดิม นั่นก็หมายถึงถ้าคุณหยุดการใช้ยาชนิดนี้ อาการภูมิแพ้จะแย่ลงเรื่อยๆ ยาที่นิยมใช้กัน ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาหดหลอดเลือด รวมถึงยาดังต่อไปนี้:
  • ยาฟีนิลเอฟรีน (Sudafed PE)
  • ยาซูโดเอฟีดรีน (Sudafed)
  • ยาเซทิริซินกับยาซูโดเอฟีดรีน (Zyrtec-D)
  • ยาออกไซเมทาโซลิน (ยาพ่นจมูก)
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาหดหลอดเลือด หากคุณมีอาการโรคจังหวะหัวใจเต้นผิดปกติ โรคหัวใจ ที่มีประวัติ โรคหลอดเลือดสมอง ความวิตกกังวล(anxiety) อาการนอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หรือ ปัญหากระเพาะปัสสาวะ

ยาหยอดตาและยาพ่นจมูก

ยาหยอดตา และ ยาที่ฉีดจมูกสามารถช่วยลดอาการคันและอาการภูมิแพ้อื่นๆได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลานานเกินไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ อย่างเช่น ยาหดหลอดเลือด ถ้าใช้นานเกินไป สามารถทำให้เกิดอาการบวมของหลอดเลือดขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งการใช้ยาหยอดตาและยาฉีดทางจมูกนานเกินไปนั้น อาจจะเกิดอาการที่กลับมาเป็นมากกว่าเดิมก็ได้ ยาคอร์ติคอสเตียรอยด์ สามารถช่วยรักษาอาการอักเสบและมีผลต่อภูมิคุ้มกันในร่างกาย ยาเหล่านี้ไม่แสดงอาการย้อนกลับมา ซึ่งการใช้ยาสเตรียรอยด์พ่นทางจมูกเป็นที่แนะนำในการแก้ภูมิแพ้อากาศ และสามารถใช้ยาเหล่านี้ได้เป็นเวลานาน และรักษาอาการภูมิแพ้ได้อย่างดี ยาเหล่านี้สามารถหาทั้ง 2 ทางคือซื้อได้ตามร้านเคาท์เตอร์ยา และ การแนะนำการใช้ยาของแพทย์  หากคุณจะใช้ยาเหล่านี้ในการแก้อาการภูมิแพ้อากาศ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาเหล่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่ายาที่คุณใช้อยู่รักษาได้ถูกอาการ นอกจากนี้แพทย์ยังช่วยคุณตัดสินใจในการเลือกยาที่สามารถแก้ภูมิแพ้อากาศได้ในระยะสั้น และได้ออกแบบยาแก้ภูมิแพ้อากาศได้ในระยะยาวด้วย 

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

หากคุณมีอาการภูมิแพ้อากาศอย่างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้คุณรักษาโดยการรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ การให้วัคซีนอาการภูมิแพ้ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ในตัวเอง คุณสามารถใช้วิธีนี้ในการรักษาร่วมกันกับการใช้ยาได้เพื่อควบคุมอาการภูมิแพ้ การให้วัคซีนนี้จะลดการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันเมื่อเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศจะต้องรักษาเพื่อแก้อาการภูมิแพ้อากาศในระยะยาวต่อไป การให้วัคซีนนั้นจะรักษาได้ในอาการภูมิแพ้ระยะเริ่มต้นซึ่งสะสมมานาน ซึ่งหมายความว่าในช่วงนี้ คุณจะต้องเจออาการภูมิแพ้แบบนี้ไปอีก 2-3 วันต่อสัปดาห์ โดยใช้เวลารักษาเป็นเวลา 3-6 เดือน เพื่อให้ร่างกายของคุณคุ้นเคยกับสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในร่างกาย ในระหว่างที่ทำการรักษานั้น คุณอาจจะเจอกับสารก่อภูมิแพ้ของตัวเองทุก 2-4 สัปดาห์ในช่วงเวลา 3-5 ปี คุณอาจไม่พบการเปลี่ยนแปลงจนผ่านไปถึง 1 ปี หลังจากการรักษาได้เริ่มขึ้น เมื่อมาถึงจุดนี้ คุณจะพบว่าคุณหายเป็นโรคภูมิแพ้อากาศแล้ว บางคนอาจจะมีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ซึ่งมาจากสารก่อภูมิแพ้ที่ฉีดไป คนที่มีอาการแพ้นั้นอาจใช้เวลาเป็นระยะเวลา 30 ถึง 45 นาที หลังจากที่ฉีดวัคซีนนี้เข้าไปในร่างกาย เพื่อให้คุณได้แน่ใจว่าคุณไม่อาการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือถึงขึ้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด โดยการอมยาใต้ลิ้น (SLIT)

การอมยาใต้ลิ้นหรือSLIT เป็นการใช้ยาแบบเม็ดซึ่งมีส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้หลายชนิด นำมาอมใต้ลิ้นของคุณ ซึ่งการทำงานนั้นคล้ายกับการให้วัคซีนฉีดเข้าร่างกาย เพียงแต่ไม่มีการฉีดเท่านั้นเอง ซึ่งในปัจจุบัน ประสิทธิภาพในการรักษาด้วยวิธีนี้ ใช้รักษาอาการภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ซึ่งมีสาเหตุมาจากหญ้า ละอองเกสร ขนหรือรังแคของสัตว์ ไรฝุ่น และ หญ้าแร็กวีด คุณสามารถรักษาแบบSLIT เช่น  การใช้ท่อหายใจทางปาก เพื่อรักษาอาการแพ้ละอองหญ้าบางชนิดได้จากที่บ้าน ซึ่งหลังจากไดรับคำปรึกษาเบื้องต้นจากแพทย์แล้ว  การรักษาแบบSLITเป็นครั้งแรกนั้น คุณจะต้องนอนที่โรงพยาบาล เช่นเดียวกันกับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ การใช้ยาเหล่านี้ มักจะใช้ในเวลาที่แพทย์กำหนดเท่านั้น อาการข้างเคียงที่มากับการใช้ยานี้ อาจจะมีอาการคันรอบปาก หรือ คันที่หูและอาการระคายเคืองที่ลำคอ ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก การรักษาแบบSLIT สามารถทำให้เกิดอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรง หากคุณมีอาการแพ้ที่เกิดจาการรักษาด้วยวิธีนี้ ควรปรึกษาทันที ซึ่งแพทย์แนะนำให้คุณรักษาอาการภูมิแพ้อากาศด้วยวิธีนี้อยู่ดี 

ปัจจัยเสี่ยงต่อภูมิแพ้อากาศ

อาการของภูมิแพ้สามารถเป็นได้กันทุกคน แต่คุณอาจจะมีแนวโน้มเป็นโรคภูมิแพ้อากาศได้ หากคุณมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ซึ่งการมีโรคหอบหืดหรือโรคผื่นคันที่ผิวหนังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้อากาศได้มากขึ้น ปัจจัยภายนอกบางอย่างทำให้กระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้มีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น มีดังต่อไปนี้:
  • ควันบุหรี่
  • สารเคมี
  • อากาศที่เย็นเกินไป
  • ความชื้น
  • แรงลม
  • มลพิษทางอากาศ
  • ละอองสเปรย์ฉีดผม
  • ละอองน้ำหอม

การใช้ชีวิตกับโรคภูมิแพ้อากาศ

  • ระบุและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น: พิจารณาว่าสารก่อภูมิแพ้ใดกระตุ้นให้เกิดอาการของคุณและดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยง สิ่งกระตุ้นที่พบบ่อย ได้แก่ ละอองเกสร ไรฝุ่น สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง เชื้อรา และอาหารบางชนิด ใช้เครื่องฟอกอากาศและผ้าคลุมเตียงกันสารก่อภูมิแพ้เพื่อลดการสัมผัส
  • รักษาบ้านของคุณให้สะอาด: ทำความสะอาดพื้นที่อยู่อาศัยของคุณเป็นประจำเพื่อลดการมีอยู่ของสารก่อภูมิแพ้ ดูดฝุ่นพรมและเบาะบ่อยๆ ปัดฝุ่นด้วยผ้าหมาดๆ และซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าไรฝุ่น
  • ตรวจสอบจำนวนละอองเรณู: รับข่าวสารเกี่ยวกับการพยากรณ์ละอองเรณูในท้องถิ่น และพยายามจำกัดกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีละอองเรณูสูง ปิดหน้าต่างในช่วงฤดูที่มีละอองเกสรดอกไม้มากที่สุดและใช้เครื่องปรับอากาศแทน
  • ใช้เครื่องนอนป้องกันสารก่อภูมิแพ้: ห่อหุ้มหมอน ที่นอน และกล่องสปริงของคุณด้วยผ้าคลุมป้องกันสารก่อภูมิแพ้เพื่อสร้างเกราะป้องกันไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
  • จัดการการสัมผัสสัตว์เลี้ยง: หากคุณแพ้สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ทางที่ดีควรกันสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนอนและบริเวณอื่นๆ ที่คุณใช้เวลาอยู่บ่อยๆ การแปรงขนและอาบน้ำสัตว์เลี้ยงเป็นประจำสามารถช่วยลดระดับสารก่อภูมิแพ้ได้
  • ใช้น้ำเกลือล้างจมูก: น้ำเกลือล้างจมูกสามารถช่วยล้างสารก่อภูมิแพ้ออกจากโพรงจมูกและลดการอักเสบได้ คุณสามารถซื้อน้ำเกลือที่ทำไว้ล่วงหน้าหรือทำเองด้วยเกลือและน้ำกลั่น
  • ยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์: ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก และยาพ่นจมูกคอร์ติโคสเตียรอยด์มีจำหน่ายที่เคาน์เตอร์และสามารถบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณายาที่เหมาะสมสำหรับคุณ และเพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • การฉีดยาภูมิแพ้ (ภูมิคุ้มกันบำบัด): หากอาการของคุณรุนแรงและไม่ได้รับการควบคุมอย่างดีด้วยยาหรือมาตรการหลีกเลี่ยง แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ฉีดยาภูมิแพ้ การฉีดยาเหล่านี้จะค่อยๆ ทำให้คุณสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณไวขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำมากๆ สามารถช่วยขับเสมหะและลดความแออัดได้
  • ปรึกษาผู้ที่เป็นภูมิแพ้: หากคุณกำลังมีปัญหาในการจัดการกับโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ให้พิจารณาพบแพทย์ภูมิแพ้หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน พวกเขาสามารถทำการทดสอบเพื่อระบุสารก่อภูมิแพ้เฉพาะและช่วยคุณพัฒนาแผนการจัดการส่วนบุคคล
โปรดจำไว้ว่าโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้นการค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะสมอาจต้องมีการลองผิดลองถูก อดทนและพากเพียรในการจัดการกับอาการแพ้เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ

สถิติผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศ

สถิตินี้ได้มาจากข่าวในปี 59 สธ.เปิดสถิติคนไทยป่วย ภูมิแพ้ พุ่ง 4 เท่า ‘เมือง-มลพิษ-ฝุ่น-พรม-แอร์’ ต้นตอปัญหา ซึ่งมีสถิติมาว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นถึง 3-4 เท่า โดยพบในเด็กไทยมากถึง 38% และในผู้ใหญ่ 20% สาเหตุหลักคือกรรมพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเปลี่ยนเป็นสังคมเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก สำหรับคนในเมือง ที่ต้องเจอกับมลภาวะต่างๆทุกวัน

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://medlineplus.gov/ency/article/000813.htm
  • https://www.nhs.uk/conditions/allergic-rhinitis/
  • https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4324099/

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด