ภาวะเครียดฉับพลัน (Acute stress disorder) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ภายหลังเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ อาจเป็นไปได้ว่าคุณจะมีความวิตกกังวล เราเรียกอาการแบบนี้ว่า ภาวะเครียด (Acute stress disorder – ASD) ภาวะเครียดนี้จะเกิดขึ้นราวๆ หนึ่งเดือน หรืออย่างน้อย 3 วัน ผู้ที่มีภาวะเครียดจะมีอาการคล้ายกับผู้ที่ป่วยทางสภาวะจิตใจ Stress-Disorder53453.jpg” alt=”Acute stress disorder” width=”500″ height=”281″ />

อาการของโรคเครียด

ลักษณะอาการของผู้ป่วยมีภาวะความเครียดคือ:

บุคลิกภาพย้อนแย้ง

หากคุณมีอาการบุคลิกภาพย้อนแย้งอย่างน้อย 3 รายการดังต่อไปนี้ สามารถบ่งชี้ได้ว่าคุณมีภาวะเครียด:
  • รู้สึกมึนงง หรือไม่ตอบสนองต่ออารมณ์
  • การรับรู้สภาวะแวดล้อมรอบข้างได้น้อยลง
  • รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวแปลกไปจากเดิม
  • แยกตัวออกจากสังคม เมื่อเกิดบางความคิดหรือบางอารมณ์ว่าคนรอบข้างไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • ความจำเสื่อมแบบทิฟฟาเรทีฟ ไม่สามารถจำเหตุการณ์สำคัญในเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ

ภาวะเครียดหลังเกิดเหตุสะเทือนใจ

คุณจะมีอาการอย่างน้อย 1 อาการดังต่อไปนี้ หากคุณมีภาวะเครียดหลังเกิดเหตุสะเทือนใจ:
  • เห็นภาพเดิมซ้ำๆ คิดเรื่องเดิม ฝันร้าย เห็นภาพลวงตา หรือนึกถึงภาพความทรงจำเหตุการณ์สะเทือนใจซ้ำๆ
  • รู้สึกนึกถึงเหตุการณ์สะเทือนใจอยู่ตลอดเวลา
  • รู้สึกทุกข์ใจเมื่อมีบางสิ่งเตือนคุณให้นึกถึงเหตุการณ์สะเทือนใจ

การหลีกเลี่ยงการพบเจอ

มีการหลีกเลี่ยงการพบเจอต่อสิ่งเร้าที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์สะเทือนได้แก่:
  • ผู้คน
  • การสนทนา
  • สถานที่
  • สิ่งของ
  • กิจกรรม
  • ความคิด
  • ความรู้สึก

วิตกกังวล

ความวิตกกังวลเป็นหนึ่งในภาวะเครียด โดยประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้:
  • ovow
  • หงุดหงิด
  • จับจด
  • ไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้
  • เครียดตลอดเวลา
  • ตกใจง่ายตลอดเวลา

สาเหตุของภาวะเครียด

สาเหตุของความเครียดนั้นมีหลากหลาย การมีประสบการณ์หรือการเผชิญกับเหตุการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างน้อย 1 เหตุการณ์ สามารถทำให้เกิดความเครียดสะสม จนนำไปสู่ภาวะเครียดโดยเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดภาวะเครียดได้มีดังนี้:
  • ความตาย
  • การถูกคุกคามเกี่ยวกับความตายของตนเองหรือผู้อื่น
  • การถูกคุกคามเกี่ยวกับการได้รับบาดจ็บของตนเองหรือผู้อื่น
  • การถูกคุกคามเกี่ยวกับความเสียหายทางร่างกายของตนเองหรือผู้อื่น
กรมสุขภาพจิตเผยผลการให้บริการทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ในปี 2560 พบว่าปัญหาที่ขอรับบริการมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่เรื่องความเครียด วิตกกังวล รวม 27,737 สาย คิดเป็นร้อยละ 40 ของสายที่โทรขอรับบริการทั้งหมด 70,268 สาย โดยจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีจำนวน 14,935 สาย กลุ่มอายุที่ใช้บริการมากที่สุดคือ อายุ 22-59 ปีคิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-21 ปี ร้อยละ 15 ที่เหลือเป็นผู้สูงอายุ 

ใครบ้างมีความเสี่ยงจะมีภาวะเครียด

ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะมีภาวะเครียดได้ภายหลังเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ  คุณอาจจะมีความเสี่ยงหากคุณมีสิ่งเหล่านี้:
  • ประสบการณ์หรือการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจในอดีต
  • มีประวัติการป่วยเป็นโรคเครียดหรือโรคทางสภาวะจิตใจ
  • มีประวัติเกี่ยวกับปัญหาด้านสภาวะจิตใจ
  • มีประวัติเกี่ยวกับอาการผิดปกติระหว่างที่เผชิญเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจ

การวินิจฉัยภาวะเครียด

แพทย์จะทำการวินิจฉัยผู้ป่วยโดยการสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ และอาการอื่นๆ และสิ่งสำคัญคือต้องตัดสาเหตุอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกได้แก่ :
  • ยาเสพติด
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค
  • ปัญหาด้านสุขภาพ
  • ความผิดปกติด้านกายภาพอื่นๆ

วิธีรักษาโรคเครียด

แพทย์อาจจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้ รักษาอาการเครียดของผู้ป่วย:
  • การประเมินผลทางจิตเวชเพื่อระบุข้อมูลที่จำเพาะของผู้ป่วย
  • พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อเลี่ยงการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายผู้อื่น
  • การให้ความช่วยเหลือในเรื่องปัจจัยสี่
  • นักจิตวิทยาให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย
  • การให้ยาบรรเทาอาการ เช่น ยาลดความวิตกกังวล ยาSSRIs และยารักษาโรคซึมเศร้า
  • การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการฟื้นตัวและไม่ให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นโรคที่เกิดจากความเครียดอีก
  • การรักษาด้วยการสัมผัส
  • การสะกดจิต

ภาพรวมของโรคเครียด

หลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่า ความเครียดมีผลต่อสุขภาพอย่างไร ผู้ป่วยโรคเครียดส่วนใหญ่จะเคยประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ การวินิจฉัยส่วนใหญ่จะดำเนินการหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการเครียดนานมากกว่า 1 เดือน การรักษาจะช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้ภายใน 6 เดือน แต่ในบางกรณีอาจจะยาวนานเป็นปี

ภาวะเครียดป้องกันได้หรือไม่?

ไม่มีทางที่คุณจะไม่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจเลยในชีวิต นั่นแสดงว่าไม่มีทางป้องกันภาวะเครียดได้เลย อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่ช่วยลดภาวะเครียดของผู้ป่วยได้ การได้รับการรักษาเกี่ยวกับเหตุการณ์สะเทือนใจในไม่กี่ชั่วโมงนั้นสามารถทำให้ความรุนแรงของภาวะเครียดลดลงได้ ผู้ที่ทำงานที่มีโอกาสเผชิญเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจได้สูง เช่น ทหารอาจได้รับการเตรียมฝึกอบรม รวมถึงคำปรึกษาเพื่อลดความเสี่ยงในผลกระทบของความเครียด หากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ รวมถึงการให้คำปรึกษาหรือแนะนำในการสร้างกลไกการเผชิญปัญหาที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจ

ภาพรวมของภาวะเครียด

หลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่า ความเครียดมีผลต่อสุขภาพอย่างไร ผู้ป่วยโรคเครียดส่วนใหญ่จะเคยประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ การวินิจฉัยส่วนใหญ่จะดำเนินการหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการเครียดนานมากกว่า 1 เดือน การรักษาจะช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้ภายใน 6 เดือน แต่ในบางกรณีอาจจะยาวนานเป็นปี

คุณจะช่วยคนที่คุณรักจากโรคเครียดฉับพลันได้อย่างไร 

คุณสามารถทำตามขั้นตอนเพื่อช่วยคนที่คุณรักรับมือกับความเครียดที่เกิดจากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นผลจากอุบัติเหตุ ความรุนแรงใดๆ เช่น การถูกทำร้ายร่างกาย การล่วงละเมิดทางวาจา ทางร่างกาย หรือทางเพศ หรือการต่อสู้ทางทหารรวมถึงการบาดเจ็บประเภทอื่น ผู้ที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเฉียบพลัน (ASD) จะมีอาการเครียดรุนแรงในช่วงเดือนแรกหลังจากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ บ่อยครั้งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกกลัวหรือกลัว หรือฝันร้าย นอนหลับยาก หรืออาการอื่นๆ หากคนที่คุณรักมีอาการนานกว่าหนึ่งเดือนและทำให้กิจวัตรประจำวัน ไปทำงานหรือโรงเรียน หรือจัดการงานสำคัญและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องยาก เขาหรือเธออาจเป็นโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ ( PTSD ) ไม่ว่าคนที่คุณรักจะเป็นโรค ASD หรือ PTSD การประเมินและการให้คำปรึกษา ( จิตบำบัด ) โดยผู้เชี่ยวชาญสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในการฟื้นตัว กระตุ้นให้เขาหรือเธอพูด คุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ที่ผ่านการฝึกอบรม คุณยังสามารถช่วยได้ด้วยการเป็นผู้ฟังที่สนับสนุน โดยไม่ต้องพยายาม “แก้ไข” สถานการณ์ นี่คือคำแนะนำบางประการ:
  • ตั้งใจฟังแต่อย่ากดดัน  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคนที่คุณรักรู้ว่าคุณต้องการได้ยินเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาหรือเธอ แต่ถ้าคนๆ นั้นไม่พร้อมหรือเต็มใจที่จะพูดถึงก็อย่าเร่งเร้า เพียงสร้างความมั่นใจให้คนรักของคุณว่าคุณจะอยู่ที่นั่นถ้าเขาหรือเธอพร้อม
  • เลือกเวลาที่จะพูดคุย  เมื่อคุณทั้งคู่พร้อมพูดคุย ให้เลือกเวลาและสถานที่ที่คุณจะปราศจากสิ่งรบกวนและการขัดจังหวะ แล้วตั้งใจฟัง ถามคำถามหากคุณไม่เข้าใจบางสิ่ง แต่หลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้คาดเดา คาดเดา ให้คำแนะนำ หรือพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร”
  • รู้ว่าเมื่อใดควรหยุดพัก  หากคุณรู้สึกว่าบทสนทนาเริ่มเข้มข้นเกินไปสำหรับคนที่คุณรัก ให้หาโอกาสให้เขาหรือเธอหยุดพูดในตอนนี้และเริ่มบทสนทนาอีกครั้งในวันถัดไป 
  • รับความช่วยเหลือหากมีการพูดถึงการฆ่าตัวตาย  หากคนที่คุณรักพูดหรือทำพฤติกรรมที่ทำให้คุณเชื่อว่าเขาหรือเธออาจพยายามฆ่าตัวตาย ให้ตอบโต้อย่างใจเย็น แต่ลงมือทำทันที ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง หากทำได้อย่างปลอดภัย คุณอาจต้องการนำยาเม็ด อาวุธปืน หรือวัตถุอื่นๆ ที่อาจใช้ในการทำร้ายตัวเองออกอย่างระมัดระวัง และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมโดยเร็วที่สุด
และอย่าลืมดูแลตัวเอง การรับมือกับความบอบช้ำทางใจที่เกิดขึ้นกับคนที่คุณรักอาจเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ และอาจทำให้คุณช่วยเหลือคนที่คุณรักได้ยากขึ้นหากคุณไม่ดูแลตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งที่คุณชอบ ยอมรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อจำเป็น และนัดพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหากคุณมีปัญหาในการรับมือ

นี่คือลิงค์ที่มาของแหล่งบทความของเรา

  • https://www.healthline.com/health/acute-stress-disorder
  • https://www.psychologytoday.com/intl/conditions/acute-stress-disorder
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/post-traumatic-stress-disorder/symptoms-causes/syc-20355967

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด