กระแดด (Actinic Keratosis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
Default Thumbnail

กระแดดหรือผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส คืออะไร

กระแดด หรือ ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส Keratoses Actinic คือ กระแดด หรือ  กระบอกอายุ นั่นเอง โดยเมื่อมีอายุมากขึ้นเราอาจเริ่มสังเกตเห็นจุดขรุขระและเกล็ดปรากฏบนมือ แขน หรือใบหน้า

ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส หรือกระแดด นั้น มักเกิดขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากการได้รับแสงแดดมานานหลายปี โดยบริเวณผิวที่เสียนี้เกิดขึ้นเมื่อมีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสหรือกระแดดซึ่งเป็นสภาพผิวที่พบบ่อยมาก

ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวที่เรียกว่า เคอราโทซิสเริ่มเติบโตผิดปกติ สร้างเกล็ดและจุดที่เปลี่ยนสี จนทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีอื่น เช่น:

สีเหล่านี้จะเกิดขึ้นบนผิวเมื่อสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน และจะเกิดขึ้นกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่:

  • มือ
  • แขน
  • ใบหน้า
  • หนังศีรษะ
  • คอ

ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสไม่ได้บอกว่า ผิวกำลังเป็นมะเร็ง แต่ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสอาจกลายเป็น  โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัส ได้ แม้โอกาสที่จะเกิดเป็นมะเร็งประเภทนี้จะไม่สูงก็ตาม

ทั้งนี้ หากไม่ได้รับการรักษา ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสราว  10 เปอร์เซ็นต์  จะกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสต่อไป โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเป็นมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดามะเร็งผิวหนัง เนื่องจากกระเหล่านี้อาจกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสได้ จึงควรให้แพทย์ตรวจดูอยู่เสมอ   .

สาเหตุของการเกิดกระแดด

โดยหลัก ๆ แล้วกระแดดเกิดจากการที่ผิวได้รับผลกระทบจากแสงแดดเป็นเวลานาน ปัจจัยดังต่อไปนี้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส หรือกระแดด :

  • มีอายุมากกว่า 60 ปี
  • ชนชาติผิวขาวและมีดวงตาสีฟ้ามักเป็นกลุ่มชนชาติที่เสี่ยงต่อการเป็นกระแดด
  • เป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะโดนแดดเผาได้อย่างง่าย
  • มีประวัติการถูกแดดเผามาก่อน
  • ตากแดดบ่อย ๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดบ่อย ๆ
  • ติดเชื้อ  โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)
Actinic Keratosis

อาการและอาการแสดงของกระแดด

ผิวที่เกิดกระแดดจะเริ่มต้นจากการเกิดเกล็ดหนาบนผิว และผิวจะเป็นแผ่นหนา ๆ  โดยแผ่นบนผิวนี้จะมีขนาดเท่ายางลบดินสอขนาดเล็ก อาจมีอาการคันหรือไหม้ในพื้นที่ที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป แผลอาจหายไปเองได้ หรืออาจขยายตัวลุกลามไปทั่วได้ หรืออาจมีขนาดเท่าเดิม หรืออาจกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสจะไม่มีทางที่จะรู้ว่า รอยผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสใดอาจกลายเป็นมะเร็งบ้าง ทั้งนี้ ผู้ที่มีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสควรให้แพทย์ตรวจผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสที่เกิดขึ้นทันที หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้:

  • แผ่นหนังบริเวณที่เกิกระแดดเกิดการแข็งตัว

  • เกิดการอักแสบบริเวณที่เกิดกระแดด

  • รอยแข็งขยายตัวลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ อย่างรวดเร็ว

  • มีเลือดออกบริเวณกระ

  • บริเวณกระแดดเกิดเป็นสีแดง

  • เกิดเป็นผลอักเสบ

อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจคล้ายการเกิดมะเร็ง ผู้เป็นกระแดดไม่ควรตกใจ ทั้งนี้ โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสมักจะเป็นกันง่าย มักตรวจพบได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้ในระยะแรก ๆ

แพทย์วินิจฉัยการเกิดกระแดด

แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยการเกิดกระแดดได้ง่าย โดยการตรวจดูด้วยตาเปล่า ทั้งนี้ แพทย์อาจต้องตัดชิ้นเนื้อผิวหนังส่วนที่เป็นผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเพื่อส่งตรวจ อย่างไรก็ตาม   การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ  อาจไม่ได้บอกได้ทั้งหมดว่าชิ้นส่วนที่ส่งตรวจจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสหรือไม่

การรักษากระแดด

แพทย์อาจรักษากระแดดด้วยวิธีดังต่อไปนี้:

ตัดส่วนที่เป็นกระแดดออก

ตัดหรือเล็มบางส่วนที่เกิดกระแดด ทั้งนี้ แพทย์อาจตัดเนื้อเยื่อรอบ ๆ หรือลึกใต้แผลลงไป หากผู้ป่วยกังวลว่าจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ทั้งนี้ แพทย์อาจไม่เย็บแผลให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นหลัก

ใช้วิธีจี้

หากใช้วิธีการจี้เอาผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสออก แผลจะถูกเผาด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะฆ่าผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสได้

การบำบัดด้วยความเย็น

การบำบัดด้วยความเย็น หรือที่เรียกว่า ศัลยกรรมผ่าตัดด้วยความเย็น เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่ง โดยฉีดพ่นผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสด้วยสารละลายที่ใช้เพื่อทำศัลยกรรมด้วยความเย็นจัด เช่น ไนโตรเจนเหลว การรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยหยุดการเติบโตและฆ่าเซลล์ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสออกได้ ทั้งนี้ แผลจะตกสะเก็ดและร่วงหล่นภายในไม่กี่วันหลังจากการรักษา

การรักษาเฉพาะที่

การรักษาเฉพาะที่บางวิธีอาจใช้สารเคมีแตกต่างกัน เช่น การใช้ไฟว์เอฟยู (5-fluorouracil) ซึ่งอาจทําให้เกิดการอักเสบและการทําลายแผลได้ ส่วนการรักษาเฉพาะที่ด้วยเคมีตัวอื่น ๆ ได้แก่ การใช้ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) และเจลเมบูตาเต อินเจโนล (Mebutate ingenol) เป็นต้น

การฉายรังสี

  • ในระหว่างการบำบัดด้วยวิธีฉายรังสี แพทย์จะใช้น้ำยาบางอย่างทาลงบนผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสและผิวหนังรอบ ๆ จากนั้น แพทย์จะใช้เลเซอร์เข้มข้นยิงไปยังบริเวณผิวหนังที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเป้าหมายเพื่อฆ่าเซลล์ ทั้งนี้ น้ำยาที่ใช้ทาบริเวณผิวหนังที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสและยาตามใบสั่งแพทย์บางชนิด อาจรวมถึง กรดอะมิโนเลโวลินิก และเมธิลอะมิโนลิโวลิเนตครีม

เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดกระแดดได้อย่างไร

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผิวหนังของเราในการเกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส คือ การลดการสัมผัสกับแสงแดด ซึ่งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเป็น มะเร็งผิวหนัง ได้อีกด้วย คำแนะนำเพิ่มเติมมีดังต่อไปนี้:

  • สวมหมวกและเสื้อเชิ้ตแขนยาวเมื่ออยู่กลางแสงแดดจ้า

  • หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกตอนเที่ยงวันซึ่งเป็นช่วงที่แดดจัดที่สุด

  • หลีกเลี่ยงการนอนอาบแดด

  • ใช้ครีมกันแดดเสมอเมื่อออกนอกบ้าน วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ครีมกันแดดที่มีระดับการป้องกันแสงแดด (SPF) อย่างน้อย 30 ซึ่งครีมกันแดดประเภทนี้จะปกป้องผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลต A (UVA) และแสงอัลตราไวโอเลต B (UVB)

นอกจากนี้ หากไปตรวจสุขภาพผิวเป็นประจำก็จะยิ่งดีมาก คอยสังเกตและเฝ้าระวังว่ามีกายเจริญเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงผิดปกติของผิวหนังในบางพื้นที่หรือไม่ เช่น:

  • บริเวณผิวตะปุ่มตะป่ำ
  • ปาน
  • ไฝ
  • กระ

ยิ่งไปกว่านั้น ให้คอยสังเกตว่ามีการเกิดผิวใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างบนผิวของอวัยวะเหล่านี้:

  • ใบหน้า
  • คอ
  • หู
  • บนแขนหรือมือ หรือฝ่ามือ หรือใต้แขน

ทั้งนี้ ให้นัดพบแพทย์ทันทีหากพบความผิดปกติบนบริเวณผิวของอวัยวะเหล่านี้แล้วทำให้รู้สึกกังวล

ดูแลกระแดดด้วยธรรมชาติ

แม้ว่าการเยียวยาตามธรรมชาติอาจช่วยจัดการกับอาการบางอย่างได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการรักษาพยาบาลได้ หากคุณสงสัยว่าคุณเป็นกระแดด ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาตามธรรมชาติสำหรับผู้ที่มีกระแดด:
  • การป้องกันแสงแดด: วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันกระแดด คือการปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งรวมถึงการสวมชุดป้องกัน หมวกปีกกว้าง และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำ
  • การรักษาเฉพาะที่:
    • Apple Cider Vinegar: บางคนเชื่อว่าการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเจือจางกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยได้ อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษานี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน และอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองในบางคนได้
    • ว่านหางจระเข้: ว่านหางจระเข้ขึ้นชื่อในเรื่องคุณสมบัติผ่อนคลายและอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายที่เกิดจากโรคผิวหนังได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถทำให้กระแดดหายไปได้
  • การเปลี่ยนแปลงด้านอาหาร:
    • การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากผักและผลไม้อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวโดยทั่วไป สารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระซึ่งอาจเกิดจากรังสียูวี
  • สมุนไพร:
    • ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด เช่น สารสกัดจากชาเขียว ได้รับการศึกษาถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวได้ ชาเขียวมีสารประกอบที่อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
  • ความชุ่มชื้น:
    • การรักษาความชุ่มชื้นให้กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายที่เกิดจากความแห้งและเป็นสะเก็ดได้
โปรดจำไว้ว่าสิ่งที่ใช้ได้ผลกับคนคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง และการพึ่งพาการเยียวยาทางธรรมชาติเพียงอย่างเดียวอาจทำให้การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิผลล่าช้าได้   นอกจากนี้ ควรระมัดระวังเมื่อลองใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่คุณอาจรับประทานอยู่ได้ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอก่อนที่จะลองใช้วิธีการรักษาแบบใหม่

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/actinic-keratosis/symptoms-causes/syc-20354969

  • Actinic Keratosis

  • https://www.nhs.uk/conditions/actinic-keratoses/


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด